วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2550

กระบวนทัศน์องค์รวมพหุภาพในกรอบอ้างอิง9มิติ

บทสรุปแห่งอนุภาคพื้นฐาน ควาร์ก
และ Theory Of Everything (TOE)



Well now, we get low and we get high,
and if we can't get either, we really try.
Got the wings of heaven on our shoes for the show,
and dancing on “The theory physic of TOE”.

So, we can try to understand,
the physic’s effect on a man.
And you may look on the other ways.
For we'll stayin' alive to see another day.


ขอเริ่มต้นบทสรุป...ด้วยการดัดแปลงเปลี่ยนแปลงบางตอนบทเพลง Stayin' alive ของ Bee Gees ที่ใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ไม่ต่ำกว่า10เรื่องทั้งร้องในเวอร์ชั่นใหม่และบรรเลง....นับแต่ยุค 70 จนถึงยุคปัจจุบัน..

บทสรุปแห่งการค้นหาอนุภาคมูลฐาน....ซึ่งถึงที่สุดแล้วก็คือ....พลังงานในรูปต่างๆ...

ณ.เวลาปัจจุบันเท่าที่ค้นพบ...พลังงานอิสระในรูปแบบหนึ่งของ ควาร์กคัลเลอร์ที่เป็นกาวเชื่อมในรูปของพลาสม่าของกลูออน หรือประจุพลังงานที่อยู่ในสภาวะของพลังงานสูง...

สมมติฐานใดๆในสิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์หรือจินตนาการใดๆ....ในเชิงประจักษ์นิยม...ล้วนอยู่บนขีดจำกัดทั้งสิ้นอันได้แก่....

บนความสมมาตรทางสมการคณิตศาสตร์....ในรูปแบบต่างๆ

บนการอ้างอิงและเปรียบเทียบกับค่าสมมติว่านี่คือค่าคงที่อันสัมบูรณ์ ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่ร้อยค่า...เมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของจักรวาลแห่งมหภาคและจุลภาค...เช่น ค่าแรงที่มีเพียง4แรงซึ่งเมื่อแยกย่อยก็จะเป็น ค่าประจุทางไฟฟ้า...ค่าการหมุนและทิศทางการหมุน...ค่าต่างๆที่มีทิศทางการเคลื่อนที่ของพลังงานในแบบเรขาคณิต4มิติ ....เป็นต้น

บนความสมมาตรระหว่างสิ่งตรงข้าม....

แบบจำลองในสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์จึงเป็นความจริงแห่งการตรวจวัดบนการเปรียบเทียบ...กับมุมมองเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของจักรวาล.....

จักรวาลที่ดำรงอยู่แห่งมิตินับอนันต์....และหลากหลายแบบวิธีแห่งการเปรียบเทียบอ้างอิงเชิงประจักษ์นิยม....

ทฤษฎีกระบวนทัศน์องค์รวม9มิติ....เป็นเพียงแค่การนำเสนอมุมมองเสี้ยวหนึ่ง...
หากจะ กล่าวในแง่ของ มิติแล้ว...สามารถอ้างอิงได้จำนวนอนันต์ของมิติ= Dn

จากตอนที่แล้ว...ที่กล่าวในเรื่องของควาร์ก....

ไม่ว่าจากทฤษฎี ควอนตัม โครโมไดนามิกส์....หรือทฤษฎี สตริง...ล้วนแล้วอ้างอิงโดยเปรียบเทียบกับค่าคงที่ค่าใดค่าหนึ่ง....ที่เรายืนยันว่านี่คือค่าคงที่และใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ในการตรวจวัดในเชิงเรขาคณิต ของวัตถุนั้นๆ...

การดำรงอยู่โดยสรุปแล้ว....ก็คือพลังงานหนึ่งๆที่ดำรงอยู่ภายใต้การเปรียบเทียบ...

หากจะอธิบายในการแบบวิธีการหาอนุภาคที่เป็นมูลฐานในทางฟิสิกส์....ในแบบทฤษฎี QCD


ยังมีข้อที่เราจะต้องค้นคว้าต่อไปกล่าวคือ....

ในแง่การมอง...ควาร์กในแบบกระบวนทัศน์องค์รวม....มีข้อสังเกตุที่เราจะต้องค้นคว้าต่อไปได้ดังนี้...กล่าวคือ

-องค์รวมของ ควาร์กคัลเลอร์....ที่เป็นหน่วยย่อยของประจุแรงเชื่อมควาร์กในแบบชุดตัวเลขควอนตัม...หากเรากำหนดแค่ 3 คัลเลอร์ และด้านตรงข้ามคือคัลเลอร์เลส...อันเป็นแบบชุดองค์รวมของแรง(มวลพลังงานสถิตย์รวมไปถึงการเคลื่อนที่ของพลังงาน) องค์รวมที่เป็นสิ่งตรงข้ามตามแบบวิธีการสมมาตรทางคณิตศาสตร์ ก็จะต้องมีการดำรงอยู่เช่นกัน....

องค์รวมแห่งแรงที่ตรงข้ามกับองค์รวมนี้นั่นก็ย่อมคือองค์รวมที่รักษาไว้ซึ่งการคงรูปขององค์รวมชุดของคัลเลอร์และคัลเลอร์เลส....ซึ่งขอเรียกว่าองค์รวมแห่ง dark colour หรือองค์รวมประจุมืด...อันรักษาโมเมนตัมแห่งองค์รวมแรงควาร์กคัลเลอร์...

ความแตกต่างระหว่าง colourless และ dark colour ก็คือ...ประจุมืดเป็นการสมมาตรกับค่าขององค์รวมทั้งหมดขององค์รวมแรงคัลเลอร์และคัลเลอร์เลส...ในการก่อรูปการทางวัตถุใดๆ...

- ค่าของพลังงาน(สถิตย์และจลน์) หรือ E จึง เท่ากับ ค่าคงที่จำนวนใดๆในระบบการเคลื่อนที่(Kn)ที่ใช้ในการเปรียบเทียบ คูณกับ ขนาดปริมาณของพลังงานใดๆภายใต้กรอบแห่งมิติอ้างอิงในการก่อรูปการทางวัตถุในระบบนั้นๆหรือ En = Mn x Kn

ดังนั้น มวลพลังงานที่ตรวจวัดได้ในการก่อรูปการทางวัตถุใดๆ...ล้วนขึ้นกับกรอบที่สัมพัทธ์...แห่งการเปรียบเทียบทั้งสิ้น....



............................


For my Jewel ,

Well, my mine ’s completely in the dark,
cos’ colour of quarks .
You made a good impression on my mine,
and sparked in the dark moonshine.
In the deathlike slumber of my feelling ,
You turned over my inner charges to starts singing.

Or,am I standing still
out of the corner of “ the theory TOE ” dancing ?


ฟังเสียงกีต้าร์ใสๆ acoustic guitar ของ Jewel แล้วอดไม่ได้ที่ต้องเขียนบทกวีฟิสิกส์อันกระท่อนกระแท่นทางภาษาของผมไปถึงเธอ......

ผมชอบฟังเพลง....และฟังได้ทุกประเภทตั้งแต่ลูกทุ่ง...ยันลูกกรุงไปถึงเพลงสากล...

เสียงใสๆของ Jewel Kilcher ก็เป็นนักร้องคนหนึ่ง....แอบอ่านใน..บันทึกสายน้ำที่ไหลกลับในบล็อกบทกวีของleelyhongที่แปลบทเพลงนี้(จะนำมาลงให้อ่านภายหลัง)........

ทำให้อดนึกถึงนักร้องนักต่อสู้เพื่อสันติภาพและเพื่อสิทธิมนุษยชนที่โด่งดังอีกคนไม่ได้นั่นคือ..Joan Baez..ที่ยังมีอัลบั้มออกมานับตั้งแต่ปี1960ต่อเนื่องมาจนถึงรวมชุดในปี1999 .....สองสาวต่างวัยที่ร่วมสมัย...

Jewel สาววัย30 ปี ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ทั้งเป็นนักร้อง...นักแต่งเพลง...นักเรียบเรียงเสียงประสาน..นักประพันธ์และนักกิจกรรมเพื่อสังคม.....

เธอได้สร้างวิวัฒนาการเพลงในสไตน์ อคูสติก แนวใหม่ด้วยความหลากหลายให้กลับคืนมาอีกในยุคเสียงสังเคราะห์ปัจจุบัน....นอกจากเป็นนักร้องระดับซุปเปอร์สตาร์...หนังสือที่เธอเขียนล้วนติดอันดับยอดขายสูงสุดและได้รับการตีพิมพ์หลายครั้ง.....

แด่เธอ..ผู้ซื่อสัตย์อย่างไม่บิดเบือนต่ออารมณ์ความรู้สึกภายในใจของเธอ....

เพื่อสะท้อนความเป็นจริงของมนุษย์และความเป็นไปของสังคม...ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงและตัวอักษรอันก่อเกิดสุนทรียภาพที่งดงามในผลงานเพลงและงานเขียนของเธอ.....ดูรายละเอียดของเธอได้ที่ www.jeweljk.com

จากตอนที่แล้วกล่าวถึง ควาร์ก คัลเลอร์...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเพลงด้วย...บางท่านอาจสงสัย

ฟิสิกส์ด้านจิตใจของคนเรา....อันประกอบไปด้วยการก่อรูปการทางอารมณ์ต่างๆก็เช่นกัน....

องค์รวมด้านจิตใจที่ประกอบไปด้วยด้านสองด้าน....ที่ประกอบรวมกันเป็นเอกภาพ

องค์รวมทางอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นของมนุษย์....ไม่แตกต่างจากการประกอบกันขึ้นเป็นองค์รวมของแบบชุดทางควอนตัมของ ควาร์ก...บนจินตนาการแห่งความสมมาตรทางคณิตศาสตร์ที่มีกรอบจำกัด...

เราหลับตาลง...ลองจินตนาการดูว่า....ถ้าไม่มีแสงดวงอาทิตย์....สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

ความมืดในสายตาของเราเท่าที่รับคลื่นแสงได้....ความหนาวเย็นเท่าที่ผิวกายเรารับได้.....

ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพลังงานอื่นดำรงอยู่....คลื่นพลังงานมากมายที่เรามองไม่เห็นก็ยังมีอยู่

ความหนาวเย็นที่เย็นจัดที่อยู่นอกกรอบระบบสุริยะ...ทำให้พลังงานเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นอย่างน้อยก็20เท่าเนื่องจากความต้านทานในสนามแม่เหล็กไฟฟ้าลดลง....แล้วแสงดวงอาทิตย์เดินางอย่างคงที่หรือในจักรวาล....เช่นกันกับแสงจากดวงดาวที่มากระทบสายตาเรา....

สมมาตร CPT ในแบบชุดควอนตัม...คงที่หรือ...ค่าแพลงค์เป็นค่าที่นิรันดร์หรือ....ทิศทางการหมุน...สนามเวกเตอร์(ทิศทางการเคลื่อนที่ของแรง)...คงที่หรือ...ในจักรวาลใบนี้

แรงโน้มถ่วงของระบบกาแลกซี่....แผ่คลุมระบบสุริยะ ไม่ต่างจากแรงโน้มถ่วงระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก...แบบวิธีคิดในเรื่องสนามแรงโน้มถ่วงสมบูรณ์แล้วหรือ...เมื่อแรงรักษาการคงที่จากสิ่งที่เราเรียกว่าสสารมืดยังดำรงอยู่และเป็นส่วนใหญ่ของจักรวาล...และอีกสารพัดที่เราจะจินตนาการ....เพื่อบรรลุในการสร้างนวัตกรรมเชิงประจักษ์นิยม.....

มิติที่9 องค์รวมพุภาพ ขอสรุปสั้นๆเพราะกล่าวมานานแล้ว....ก็คือการมองในองค์รวมทั้งหมดที่ผมได้กล่าวถึง....

และขอจบบทสรุปแบบห้วนๆ..สั้นๆแบบนี้แหละครับว่า....ทุกอย่างอยู่ที่เรายืนอยู่ตรงไหนในการมอง....ถ้าเราไม่ติดกับอัตตาในการ standing still ...และกล้าก้าวขาออกมา...เราก็จะเห็นอะไรอีกเยอะบนจักรวาลใบนี้....ที่มีมากกว่าในสมองเราคิด...

ขอจบ...หัวข้อกระบวนทัศน์องค์รวมเพียงเท่านี้

ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีงามและความจริงใจของทุกท่านและที่ได้ติดตามอ่านมาตลอด 1ปีกว่า...


ขอเพียงในหัวใจมีความรัก....ไม่ว่าเราจะร้องเพลงไหน...

จากเสียงสายลมในเพลง Last Leaf ของCascade ,Travelin’man ของ Ricky Nelson แห่งอดีต...มาจนถึง Standing Still ของ Jewel และ The Last Flight Out ของ Plus-one หรือ บทเพลงจากพุ่มพวง ดวงจันทร์....


ความซื่อสัตย์ที่มีต่อสิ่งที่ดำรงอยู่ในใจนั่นคือ..ความรัก...ที่มนุษย์มีต่อมนุษย์....อันถ่ายทอดออกมาจากส่วนลึกในใจ...ก็คือบทเพลงเดียวกัน


ที่เราร้องร่วมกันให้ยังคงอยู่ตลอดไป....บนจักรวาลใบนี้...


Fare well, miss you .....Jewel แห่งแดนไกลทุกคนบนโลกเสมือน......




(หมายเหตุ:  เนื่องจากที่โพสลงไม่สามารถลง สัญญลักษณ์ต่างๆที่ใช้แทนความหมาย ท่านอาจเห็นตัวเลขประหลาดๆ...ก็อย่าได้แปลกใจ เช่น สมการ หรือสัญญลักษณ์ อนุภาค เป็นต้น.....)

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า(TOE...Theory Of Everything )



.....ปรัชญาฟิสิกส์ที่นำเสนอต่อไปนี้เป็นการประยุกต์การอธิบายแนวคิดในกระบวนทัศน์องค์รวมพหุภาพในกรอบ 9 มิติ...เพื่อให้ง่ายแก่การทำความเข้าใจ....โดยจะสมมติตัวละครในเรื่องในลักษณะบันทึกถ่ายทอดเป็นเรื่องราวบนโลกไซเบอร์ออกมา....บางตอนก็เป็นแบบกึ่งๆนวนิยาย....ทั้งหมดล้วนเป็นกรอบแนวคิดในการอธิบายถึง กระบวนทัศน์องค์รวมพหุภาพในกรอบ 9 มิติ....อันอธิบายถึงหลักการของทฤษฎีฟิสิกส์พื้นฐานที่เป็นหลักการในการอธิบายสรรพสิ่ง...หรือเรียกว่าฟิสิกส์หัวแม่เท้าหรือหัวแม่ตีน...ที่มาจากคำว่า TOE หรือ Theory Of Everything ......แต่เพื่อความงดงามทางภาษาจึงเปลี่ยนใหม่เป็นชื่อว่า...ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า......จะมีความยาวราวๆ 40-50 ตอน...ซึ่งจะทะยอยนำเสนอไปเรื่อยๆ.....และอาจจะมีเขียนใหม่เพิ่มเติมจากที่เคยบันทึกไว้คือในหัวข้อ...กลศาสตร์การเคลื่อนที่ของผี...การก้าวข้ามระบบเลขฐานสอง...เป็นต้นหากมีเวลาและสมองเรียบเรียง....ขอขอบคุณที่ติดตามอ่าน...


................................................................................................

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า(TOE) :
ฟิสิกส์แห่งความรักชั่วฟ้าดินสลาย


...................................


ชั่วฟ้าดินสลาย......


“ ชั่วฟ้าดินสลาย.....สัญญาใจคนไหนบอก.....
รักแล้วลวงหลอก....คนที่บอกอยู่แห่งไหน...
ก็ฟ้ายังฟ้าอยู่ ดินก็ดูไม่เป็นไร....
แล้วรักก็จากไป ที่สลายคือใจคน.....”

อัลบั้มเพลงจาก....พลพล พลกองเส็ง...ดังขึ้น...ที่วางจำหน่ายราวปลายปีที่แล้ว...อันสะท้อนแง่มุมหนึ่งของ...สัญญาใจที่ว่า....ชั่วฟ้าดินสลาย...
เพิ่งจะมานั่งดูมิวสิก....เร็วๆนี้.....มีรายละเอียดสำคัญที่อยากพูดถึง....คือ.....
แม้ว่าเนื้อหาและทำนองเพลง...ออกมาใช้ได้...แต่เวลาดูมิวสิก...กลับทำให้สุนทรียภาพ..ต้องเสียไป....
ปัญหาแรกก็คือ.....การตีโจทย์....ปรัชญา...ชั่วฟ้าดินสลายไม่แตก....
ประการที่สอง....การสื่อความหมาย...ในบางตอนไม่ได้การสื่อถึงเนื้อหา....ชั่วฟ้าดินสลาย...เลย....และเป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่ทราบว่าปล่อยให้หลุดผ่านมาได้อย่างไร.....

ปรัชญา...ชั่วฟ้าดินสลาย....นั่นย่อมหมายถึงอุดมการณ์หรืออุดมคติในความรัก...ที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นและให้สัญญาใจกัน......เป็นในเชิงอุดมคติ.....

ในเนื้อหาของมิวสิก....คือในวันฝนตกหนัก...มีรถเสีย..และผู้ชายที่นั่งในรถได้มาให้รถปิคอัพของพระเอกลาก....เมื่อที่ปัดน้ำฝนรถคันถูกลาก พระเอกของเรื่องก็มองเห็นนางเอกนั่งอยู่ในรถคันนั้น....

และก็เป็นภาพย้อนถึงความหลัง....รวมไปถึงสร้อยคอที่นางเอกให้....

ถึงตอนไคล์แม็กซ์ของเรื่อง...พระเอกกระชากสร้อยคอ....โยนทิ้ง....แต่ทราบไหมครับ...สร้อยคอนั้นคือไม้กางเขน...และมีการโคลสอัพ...สร้อยที่ถูกกระชาก....

เมื่อผมดูถึงตอนนี้เลยเสียความรู้สึก.....ทำไมผู้ถ่ายทำไม่ใช้สร้อยคอ...ห้อยรูปหัวใจก็ได้... รูปลอ็กเก็ตหน้านางเอก....ก็ยังจะดูดีกว่า....

ไม้กางเขน...อันเป็นที่เคารพของชาวคริสเตียน...ก็ไม่ต่างจากพระพุทธรูปที่เราห้อยบูชา....ลองนึกภาพว่าถ้าสมมุติเป็นพระพุทธรูปเรากระชากออกอย่างโกรธจัดและขว้างทิ้งดูครับ....

สุนทรียภาพจะเป็นเช่นไร.......และผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ไม้กางเขน.....ทั้งๆที่การสื่อก็ไม่ได้หมายถึงการสูญสิ้นความเชื่อถือในรักเลย....เพราะกลายเป็นการสูญสิ้นความเชื่อถือศรัทธาในศาสนาไปเสียแล้ว.....

และในเนื้อหาโดยรวม....ความที่ตีปรัชญาชั่วฟ้าดินสลายไม่แตก.....จึงกลายเป็นการแสดงอารมณ์ของชายที่ต้องการให้หญิงสาวรักตนเองชั่วฟ้าดินสลาย.....โดยตนเองไม่ได้มีการสื่อในมิวสิกว่า....ยึดมั่นในปรัชญาชั่วฟ้าดินสลาย.....เพราะเป็นการแสดงออกถึงความโกรธของคนไม่สมหวัง......ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับชั่วฟ้าดินสลาย....
แม้ว่าจะสะท้อนด้านกลับว่า....ไม่มีชั่วฟ้าดินสลายจากนางเอก....แต่พระเอกผู้ชายก็ต้องมี....ตามเนื้อเพลง......

ชั่วฟ้าดินสลาย....ไม่ได้เกิดมาจากสัญญาใจ...จากคนๆเดียว...หากเป็นสัญญาที่ทั้งสองฝ่าย....ยึดมั่น...ไว้เป็นอุดมคติ.....

เพลงและทำนอง....การร้องของพลพล...เพราะดีเขียนได้ยอดเยี่ยม....แต่ดูมิวสิกเสียอารมณ์...ครับ...!!

ที่วิจารณ์มา...เพราะผมก็เขียนเรื่องราว...ชั่วฟ้าดินสลาย...ในบล็อกนี้ในเรื่อง..ตำนานกระบี่ดาวแดง....ประมาณเดือนกันยายนปีที่แล้ว....ก่อนมีการวางอัลบั้มเพลงชุดนี้ประมาณ1-2เดือน....

แต่เพิ่งไปซื้อมิวสิกมาดู....ในชุดรวมฮิตของแกรมมี่......

แก้มิวสิกใหม่เถอะ........โดยเฉพาะตอนกระชากสร้อยที่แขวนไม้กางเขนด้วยความโกรธขว้างทิ้ง...เปลี่ยนเป็นสร้อยอย่างอื่นก็ได้....เพราะมันเป็นการสื่อด้วยภาพว่า...สิ้นศรัทธาต่อศาสนา....

สนใจในรายละเอียดหน่อยครับแกรมมี่.....โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้....
และก็อย่าทำลวกๆตีโจทย์ให้แตกด้วย.....

........................................


ระบบสัญญาใจ
ภายใต้รัฐชาติแห่งความรัก:



รัฐธรรมนูญหมวดทั่วไปแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งความรัก...ที่อยู่บนพื้นฐานปรัชญาที่ว่า.....

“ Love rules without sword , binds without cord .”........หรือบทบัญญัติที่ว่า...รัฐแห่งรักปกครองโดยไม่ยึดถือเอาการบังคับเป็นจุดมุ่งหมายและผูกมัดโดยไม่ต้องใช้เชือก.....นั่นคือไม่มีบทบัญญัติใดๆที่มากำหนดเสรีภาพหรือผูกมัด.......ทั้งในแบบเป็นลายลักษณ์อักษรและแบบจารีตประเพณี..

อันเป็นบทบัญญัติ ที่รัฐชาติแห่งความรัก.....ได้ยึดถือกัน...

จากยุคระบบทาสแห่งรักมาสู่ระบอบฟิวดัลแห่งรัก...และเข้าสู่การแสวงหาอาณานิคมแห่งรัฐ......หรือยุคจักรพรรดินิยมแห่งความรัก....

ภายใต้นโยบาย.....กระสุนทองคำ...หรือ The golden bullets policy.....เหล่าบรรดารัฐชาติขนาดเล็กๆ...ที่อาศัยนโยบายชาตินิยมแบบกระสุนก้อนเกลือ....ไม่อาจต้านทานการรุกรานเหล่านั้นได้...

นวัตกรรมด้านอาวุธ...ด้วยเทคโนโลยีความรักที่เหนือกว่า....รัฐชาติเหล่านั้นต้องตกเป็นอาณานิคมมากมาย.....
ผองทาสแห่งความรักเหล่านั้น...จึงลุกฮือขึ้น...และก่อการกบฎในหลายแห่งบนอาณาจักรแห่งความรัก.....

คำประกาศ communism manifesto of love ของผู้นำความคิดในยุคนั้นจึงเป็น...รากฐานการก่อเกิดระบอบสังคมนิยมแห่งรัก....

“ ตื่นเถิดผองทาสแห่งรักทั้งหลาย...บัดนี้ถึงเวลาที่ท่านจะปลดปล่อยปีศาจที่เกาะกุมความรักของท่านสู่อิสระภาพ...แห่งสังคมที่ไม่มีชนชั้น...”.....

การก่อเกิดวีรบุรุษวีรสตรี....นักรักจึงแพร่กระจายออกไป.....
สงครามปลดแอกจากจักรพรรดินิยมแห่งรักจึงแพร่กระจายไปทั่ว....
และสงครามก็ก่อให้เกิด...วีรบุรุษ...วีรสตรีมากมาย....

วีรบุรุษวีรสตรีนักรัก....หัวใจย่อมเต็มไปด้วยรอยแผล....อันเป็นสัจจธรรมจากสงคราม..

และสังคมแห่งอาณาจักรของความรัก...ก็พัฒนาเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์....ภายใต้นวัตกรรมด้านการสื่อสาร...การคมนาคมของระบบลำเลียงความรัก...และการขยายเกตเวย์หัวใจ.....

............................

ผม..เปิดอ่านบันทึกส่วนหนึ่ง...ของซุนปิน...ที่หลังเที่ยวซอกแซกเก็บข้อมูลสนาม....เพื่อหาสุนทรียภาพแห่งความรักในบ้านโน้นบ้านนี้ในบล็อก....ในงานวิจัย...รัฐชาติแห่งความรัก...และ..อาณาจักรรัฐแห่งความรักฉบับ xyz จนเกิดอาการ..โรคแพ้ใจซินโดรม.....ยังมีอาการเดินไม่ค่อยตรงอยู่เลย....

พอไปถาม...คุณ reddragon....ก็อธิบายในเชิงฟิสิกส์ว่า....มันเกิดจากปฏิกิริยาย้อนกลับทางชีวภาพของความรัก....ที่เกิดจากกระบวนการในหน่วยเวลาแห่งอดีต...ที่มีอันตรกิริยากับองค์รวมทางกายภาพแห่งเวลาปัจจุบัน....เลยเกิดอันตรกิริยากันขึ้นมาใหม่...อันเกิดจากค่าของศักย์ความงามที่ไม่มีขอบเขตจำกัด

ผมเลยถามต่ออีก...ความงามที่ไม่มีขอบเขตจำกัดที่ก่อให้เกิดอันตรกิริยานั้นหมายถึงอะไร....
Reddragon.....เขาตอบว่า...ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกันเพราะกำลังหาค่าคงที่ชั่วฟ้าดินสลายอยู่....
แล้วจะมีไหมนี่...!!!! ค่าคงที่ของอารมณ์....!!!



และคงไม่ต่าง....จากเพลงแพ้ใจ....ที่...ใหม่ เจริญปุระ...ร้อง....

เก็บใจไว้ในลิ้นชัก....
คงไม่เจอแล้วรักแท้....
เบื่อกับความปรวนแปร
มันไม่แคร์และไม่หวัง
มันเหมือนคนชินชา
ไม่มองไม่ฟัง และแล้วก็มีเธอเดินเข้ามา

เข้ามาค้นในลิ้นชัก
ที่ปิดตายเพราะรักร้าว
ให้อภัยใจเมาเมา
มาแบ่งปันที่ฉันล้า
มาสนใจใยดี คนที่ไม่มีค่า
ให้รู้ว่าตัวเองยังสำคัญ......

เก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจอย่างเธอ
เมื่อไรที่เผลอ ยังนึกว่าเธออยู่ในฝัน
ยังมีอีกหรือ รักแท้ที่เคยเสาะหามานาน
วันนี้เป็นไงเป็นกัน....จะรักเธอ...

เมื่อเธอรู้ว่าฉันรัก ก็อย่าทำให้ฉันหลง
บอกมาเลยตามตรง นี่เรื่องจริงหรือฉันเพ้อ
ตอนนี้ยังพอทำใจ ถ้าสิ่งที่ได้เจอ
คือฝัน...คือละเมอ...และไม่จริง....

และจบด้วย......

“ วันนี้ฉันรักเธอคือเรื่องจริง..”

......................................


สุนทรียภาพของความรักบนสนามแรงเสมือน



ผมเปิดอ่านบันทึกจากข้อมูลดิบ...ที่..ซุนปิน..ได้ตะเวนเก็บข้อมูลสุนทรียภาพทางอารมณ์ตามหมู่บ้านต่างๆของโลกเสมือน...และในหมู่บ้านไซเบอร์…แห่งนี้....

ข้อมูลทั่วไปที่ซุนปินเขียนไว้มีดังนี้

- ความรัก..เดินทางเร็วกว่าข้อมูลทางกายภาพเสมอและสัมผัสได้ก่อนข้อมูลกายภาพอันไม่ขึ้นกับกรอบเฉื่อยใดๆ.....

-สุนทรียภาพแห่งความงาม...ที่เป็นบ่อเกิดแห่งความรัก....บนสนามแรงเสมือนของโลกไซเบอร์สเปก....ความงามมีค่าอนันต์....ตัวอย่างเช่นข้อมูลดิบหลายชิ้นระบุว่า...สาวแก่ก็สวยได้อย่างไร้ขีดจำกัด.....ความงามของจิตใจที่สะท้อนออกมาจากตัวตนในบางส่วน...และซ่อนเร้นบางส่วน..สิ่งที่ซ่อนเร้นกลับเป็นสิ่งที่ดีในเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก...แต่สิ่งที่แสดงออกกลับสะท้อนในเชิงคุณภาพหรือส่วนลึกของอารมณ์ได้สูงมาก....

-อันตรกิริยาใดๆบนสนามแรงโลกเสมือน....ล้วนเป็นการก่อรูปใหม่ของกระบวนการใหม่ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์แห่งอันตรกิริยาภายใต้กระบวนการของอดีต....ก่อเกิดอันตรกิริยากับอารมณ์ของเวลาปัจจุบัน.....เป็นรูปการใหม่...และก่อเกิดรูปการที่มีตัวตนใหม่ของสิ่งที่ดำรงอยู่ในเวลาแห่งอดีต....เช่นแฟนเก่า....ที่ดำรงอยู่ในเวลาแห่งอดีตก่อเกิดรูปการใหม่หรือสภาวะเสมือนที่มีตัวตนจริง...ณ.เวลาปัจจุบัน.....

- อันตรกิริยาของเหตุการณ์ในอดีต.....สามารถก่อเกิดอันตรกิริยากับเหตุการณ์แห่งอนาคตได้.....เช่น...เหตุการณ์การเคี้ยวหมากของอดีต...เกิดอันตรกิริยากับปริมาณอายุหรือเวลาในอนาคตของบางคน....กลายเป็นความจริงแห่งปัจจุบัน....

.......... ฯลฯ ............


จากข้อมูลดิบภาคสนามดังกล่าว
ผมไม่แปลกใจเลยว่า...ทำไมอาการโรค...แพ้ใจซินโดรม...ของซุนปินมันจึงกำเริบ....ดังได้กล่าวมาในตอนที่แล้ว.....


โรคแพ้ใจซินโดรม


อาการทั่วไปทางพยาธิวิทยา...พฤติกรรมมีการเปลี่ยนไป...เช่น..นอนไม่หลับ..หลายคนก็วินิจฉัยเข้าข้างตนเองว่าเป็นเพราะกาแฟ......เวลาทำงานใจมันวนเวียนอยู่แต่ในบล็อก.....วันๆคิดแต่ว่าจะมาอัพบล็อกแซวใครดี....ดังนั้นโดยทั่วไปคือเวลานอนน้อยลง...แต่ตื่นเช้าได้อย่างน่าประหลาดใจ.....สาเหตุจากความแปรปรวนของระบบเวลาแห่งอดีตกับระบบเวลาแห่งปัจจุบันของเหตุการณ์....

ความแปรปรวนอันเนื่องจากระบบอารมณ์แปรปรวน...เหมือนกังหันหมุนวน...คือมีความเร็วและวัฎจักรการเปลี่ยนแปลงที่เร็วสูง.....

ผู้ป่วยสามารถกำหนดล่วงหน้าได้ว่าจะไม่สบายวันไหน....เป็นลักษณะเด่นของอาการเหล่านี้.....เช่นอาการหาเรื่องเดินตกหลุม...หลุมรักให้ขาแพลงเล่นเพื่อความเท่ห์..ก็กำหนดล่วงหน้าได้เป็นต้น....บางครั้งอาจทำเป็นโปรแกรมล่วงหน้าได้....

หากอันตรกิริยาที่ย้อนเวลาของอดีตที่สูงเมื่ออันตรกิริยากับเวลาแห่งอนาคตก็เกิดอาการทางกายภาพที่ทำให้น้ำหมากไหลได้....เป็นต้น...


ปัจจุบันโรคนี้ยังรักษาให้หายขาดไม่ได้.....เพราะหมอ และพยาบาลเองก็ยังเป็นโรคนี้กันงอมแงม....

ผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจ....
เฮ้อ...!! จะส่งเจ้าซุนปิน...ไปเข้าเฝือกหัวใจที่ไหนนะนี่..ที่หัวใจมันเดินเซตกหลุม......ทุกโรงพยาบาลหมอก็เป็นกันหมดเดี๋ยวไปติดโรคที่กลายพันธุ์ไปแล้วจากหมอมาอีก..

แค่......น้องลานนา..บอกแล้วก็บ่เจื่อ...!!!

“ เคยกินผักกาดจอ บ่เคยกินพิซซ่า...ถ้าเกิดลงท้อง...จะยะจะได๋..”

เจ้าซุนปิน...มันก็ดันหาช่องโหว่คิดนวัตกรรมใหม่อีก....กินพิซซ่าหน้าผักกาดจอ....

แค่เพียงบ่เมิน...เจื่อคำเปิ้นแล้วก๋า.....

“ โทษใครไม่ได้...ถ้าหัวใจเดินเซ.....”

จากสุนทรียภาพความงามที่ไร้ขอบเขตุ....บนสนามแรงเสมือน...

.............................................


สุนทรียภาพแห่งความงามและความรัก


ฟิสิกส์แห่งความรัก.....อาจจำแนกในการวิเคราะห์แบบแยกส่วน....เป็นในเรื่องความร้อน แสง สี เสียง แห่งอารมณ์ที่ก่อให้เกิดขึ้นเพื่อหาค่าประมาณการ....

การศึกษาทางวิทยาศาสตร์และด้านศิลปะใดๆต่างล้วนต้องอาศัยจินตนาการ....ในสิ่งที่เป็นนามธรรมเพื่อหาค่าประมาณการเป็นรูปธรรม....สิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์ก็จะเน้นการศึกษาทางกายภาพเป็นหลัก...ส่วนศิลปะก็จะเน้นด้านจิตใจหรืออารมณ์เป็นหลัก.....หากมองในแบบองค์รวมก็จะเป็นบูรณาการของทั้งสองแบบ....


เสียงของหัวใจและฟิสิกส์แห่งน้ำตา:


การศึกษาทางวิทยาศาสตร์กายภาพเราอาจให้คำอธิบายเกี่ยวกับเสียงว่าเป็นคลื่น....ตามระดับความถี่เช่น เสียงที่คนเรารับฟังได้อยู่ระหว่างคลื่นเสียงที่มีความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิร์ทซ์ถึง 2หมื่น เฮิร์ทซ์....
ถ้าต่ำกว่าเราก็เรียกว่า...คลื่นใต้เสียงหรืออินฟราโซนิก..เช่นคลื่นแผ่นดินไหว...และที่สูงกว่าเราเรียกว่าคลื่นเหนือเสียงหรืออุลตราโซนิก.....

เสียงของหัวใจในทางกายภาพ....ที่เกิดจากการไหลอย่างปั่นป่วนของเลือดจะมีค่าความถี่อยู่ระหว่าง 20 – 200 เฮิร์ทซ์...เป็นเสียงที่หมอ....สามารถใช้หูฟังได้...

แต่เสียงที่...ต่อให้ใช้หูฟังอย่างดีที่สุด....หมอทั้งหลายก็ฟังไม่ได้ยิน...หลายครั้งแม้แต่เสียงของหัวใจของตนเองยังจำแนกไม่ถูก....นั่นคือเสียงของหัวใจในทางโลกของจิตใจและจิตวิญญาณ....โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์รวมหนึ่งของอารมณ์....ที่แสดงออกเป็นอารมณ์แห่งความรัก...ที่โลดแล่นอยู่บนสองสนามแรงคือ...สนามแรงที่เป็นจริงขององค์รวมทางกายภาพและจิตใจของคนๆนั้นบนโลกทางวัตถุ....และอีกสนามแรงคือ....สนามแรงเสมือน.....

บนโลกไซเบอร์สเปก....ก็คือการดำรงอยู่รูปแบบหนึ่งที่แสดงออกเป็นรูปธรรม...ของความหลากหลายทางอารมณ์ของผู้คน.....และเป็นการแสดงออกของตัวตนทางอารมณ์..เท่าที่จะสัมผัสรูปธรรมได้ในปัจจุบัน..แห่งโลกเสมือน....

ฟิสิกส์เสียงแห่งหัวใจบนโลกเสมือน....หรือฟิสิกส์เสียงแห่งความรัก....มีองค์รวมที่ซับซ้อนในหลายหน่วยเวลา....ค่าความถี่ที่หลากหลายในคลื่นความถี่....ค่าความเข้มข้นี่แตกต่างกันไป...ฯลฯ...

ความรัก...ที่บริสุทธิ์...ย่อมแตกต่างจากความต้องการทางกายภาพ....

อารมณ์แห่งความรักที่บริสุทธิ์...เป็นสิ่งขาดหายไปของคนเรา....ในความต่อเนื่องของเหตุการณ์...จึงเป็นสิ่งที่เกิดการรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ของคนเรา...บนโลกเสมือน...

และเสียงแห่งหัวใจ....ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งแห่งอารมณ์เหล่านั้น.....ของความสัมพันธ์ระยะไกลที่มีความเร็วสูง.....

.................................


ผม.....นั่งอ่านบันทึก...ของ reddragon ที่หาข้อสรุปบางประเด็นเกี่ยวกับ มิติที่8 เรื่องการทับซ้อนของระบบเวลาซึ่งคงจะนำมาบันทึกในบันทึกของเขาที่บ้านแห่งนี้.....เป็นการอธิบายในส่วนของโลกทางด้านจิตใจ...ในการวิเคราะห์จากข้อมูลภาคสนามของ..ซุนปิน...ที่ยังไปหลงทางอยู่ในไซเบอร์แลนด์....

ยังดีนะนี่ที่ reddragonไม่ออกไปหาข้อมูลภาคสนามด้วยคน....ไม่งั้นข้อสรุปเบื้องต้นสำหรับแบบวิธีคิดในกรอบ9มิติสรุปไม่จบแน่.....

ข้อสรุปทั่วไปที่ว่า....
คลื่นความถี่เสียงของหัวใจ....เริ่มต้นที่ความเร็วแสง....ดังนั้นค่าพลังงานจึงสูงมากกว่าระบบความเร็วต่ำกว่าแสง......และมวลมีค่าอนันต์เมื่อเทียบกับระบบความเร็วต่ำกว่าแสง....

ความถี่ของคลื่นเสียงความรักที่แตกต่างกัน....ในสนามแรงเสมือน....แต่ส่งผลให้เกิดการหลั่งน้ำตาได้ในทางฟิสิกส์กายภาพเช่นเดียวกัน....และในทางตรงข้าม...เสียงจากทางกายภาพก่อให้เกิดกระบวนการรวมตัวในทางอารมณ์บนโลกของจิตใจ....รูปการเบื้องต้นเช่น...ความคิดถึง...หรือความประทับใจอื่นๆ.....

ความเข้มข้นอารมณ์ความถี่เสียงของหัวใจ....ในระดับสูงสุดคือ...ก่อเกิดการหลั่งน้ำตาในหัวใจ...หาใช่อาการหูอื้อในใจไม่...แต่มีผลให้ระบบทางกายภาพต้องหลั่งสารตามไปด้วยตามใจที่สั่งมา.....หากหัวใจเมาเมา....ก็ยิ่งมีอาการหนักขึ้น....

ค่าความถี่ของเสียงที่ได้ยินจำแนกได้กว้างๆดังนี้....
ค่าความถี่ของเสียงแห่งความรักระหว่างเพื่อน ความรักระหว่างพ่อแม่ ความรักระหว่างชายและหญิง.....

เสียงของหัวใจ....เป็นกลศาสตร์ทางอารมณ์หนึ่งที่นักสร้างสรรค์นำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ...

เช่น..งานสร้างสรรค์โฆษณา...โดยการประยุกต์จากกระบวนการความเร็วคือการสื่อด้วยความเร็วสูงของความรัก...ผู้รับสื่อสัมผัสได้ก่อนทางกายภาพเป็นต้น....หรือการประยุกต์จากความเข้มข้นความถี่ของหัวใจจากองค์รวมต่างๆทางกายภาพ......ตัวอย่างเสียงของหัวใจอันเกิดกระบวนการรวมตัวขึ้นใหม่ทางอารมณ์จากเสียงทางกายภาพ

เสียงของหัวใจ....จากน้อง ตอง ภัครมัย....และในเวอร์ชั่นของ the star .....ก่อเกิดกระบวนการฟิวชั่นทางอารมณ์....ดังกระหึ่มในใจของอารมณ์รักระหว่างชายและหญิง......
กว่าจะรัก....จาก xyz ....และเวอร์ชั่นใหม่ในความคิดคำนึงถึงเพื่อน...กว่าจะรักเท่าวันนี้..กว่าจะมีคนเข้าใจต้องใช้เวลา....ใช่เพียงมองตากันเมื่อไร...จริงม่ะ..!! ต่อให้เป็นปลากัดก็ตามเถอะ...

กาสะลอง....จากน้องลานนา คัมมินท์....พาหัวใจล่องลอยไปดินแดนแสนไกล...ได้ยินเสียงร่ำร้องของเด็กสาวน้อยที่อ้างว้างในแดนไกล....ส่งสายใยแห่งความคิดถึงแม่....ในคืนหนาวดาวเปลี่ยว..

เพื่อหาคำอธิบายองค์ประกอบฟิสิกส์แห่งสุนทรียภาพ....ที่ซุนปินต้องไปหลงทางในการไปหาข้อมูลในไซเบอร์แลนด์.....นี่แหละหนาเด็กบ้านนอกแบบไอน้ำ......หลงทางอยู่เรื่อย....


แล้ว...ถ้าเกิด reddragon ที่เข้าไปเก็บข้อมูลเองและไปตามหาซุนปิน...แล้วเกิดติดอยู่ในนั้นอีก.....จะทำยังไงดีล่ะ....ผมเองคิดในใจ...
คงมีแต่วิชาฟิสิกส์แห่งความรักภาคสนามแรงเสมือน....ละมั้งที่เขียนทฤษฎีด้วยน้ำตา....ผมเองก็ได้แต่งุนงง...

หรือว่ามันถึงคราวที่...จระเข้อย่าง...หลี่หงหลง..จะต้องหลั่งน้ำตา..

น้ำตาจระเข้...!!!....ที่ต้องหลั่งจากเสียงของหัวใจ...
เสียงจาก กาสะลองดอกเล็กๆ ที่หล่นบนหัวใจ....!!!!

หล่นร่วงจากดินแดนไกลโพ้น...ยังส่งแรงกระเทือนอื้ออึงในหัวใจ...

คุณ freethinker และ คุณ 3 ขวด100 ครับ....ถ้าคุณอ่านบันทึกไดอารี่ฉบับนี้...คงได้ตำตอบว่านี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมซุนปิน...จึงตอบได้เพียงสั้นๆ...ในคำถามว่าสุนทรียฟิสิกส์คืออะไร....ในบอร์ดวิทยาศาสตร์....
มันตอบยากก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ....
เพราะในห้องปฏิบัติการสุนทรียฟิสิกส์...แค่ร่องรอยอานุภาพแห่งความงามและความรักในห้องบับเบิลแชมเบอร์ของอารมณ์
เศษเสี้ยวปฏิกิริยาลูกโซ่ยังรุนแรงถึงเพียงนี้....

แล้วนี่ยังไม่นับ...หลี่หงหลง..ที่จะต้องตาพร่ามัวในการบันทึก....แค่เสี้ยวหนึ่งของกลศาสตร์เสียงของหัวใจ.....

เมื่อฟิสิกส์แห่งสุนทรียภาพความรัก....
มันก็คือฟิสิกส์ของการหลั่งน้ำตา....บนหัวใจและกายภาพ....ในความสัมพันธ์ระยะไกลด้วยความเร็วสูง

“ ห่างกันแสนไกล หัวใจอยู่ใกล้กัน ”
love & miss you....กาสะลองดอกน้อยในแดนไกลทุกดอก...บนสนามแรงเสมือน...

..............................................

การก่อรูปกระบวนการรวมตัวหรือที่เรียกว่ากระบวนการฟิวชั่นทางอารมณ์แห่งสุนทรียภาพของความรักในสนามแรงเสมือน อันเกิดจากอันตรกิริยาระหว่างวัตถุจากภายนอกกับจิตใจ

วัตถุจากภายนอกเช่น....แสง สี เสียง อุณหภูมิ กลิ่น รสชาติ รูปทรงต่างๆ หรือสุนทรียภาพจากความงดงามต่างๆ เป็นต้นที่อายตนะสามารถรับรู้ได้...

การรับรู้ในจิตใจที่ผ่าน สื่อ ในรูปแบบต่างๆในการทำปฏิกิริยากับภายในจิตใจ รวมไปถึงตัวเร่งปฏิกิริยาต่างๆในกระบวนการของอันตรกิริยา

เสียงของหัวใจ....ที่เกิดจาก สื่อ ในรูปศิลปินซึ่งเป็นสื่อสำคัญ ในการถ่ายทอดเสียงทางวัตถุ..ทำให้เกิดกระบวนการหล่อหลอมตัวขึ้นมาในใจคนเรา

จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่า...ทำไมศิลปินจึงเป็นที่ชื่นชมของคนทั่วไปมากกว่านักการเมือง....ก็เพราะ ศิลปิน ก็คือสื่อ ที่สามารถสื่อสัญญาณความถี่เสียงแห่งหัวใจได้ในรูปแบบหนึ่งที่แต่ละคนนำไปก่อรูปการขึ้นมาใหม่ในการก่อรูปทางอารมณ์ของตน

นั่นคือการก่อรูปการแห่งความรัก....ที่มีธาตุแท้แห่งความบริสุทธิ์ ความใสสะอาด ความจริงใจ ความเข้าใจ ความมั่นคง ความซื่อสัตย์ที่ชั่วฟ้าดินสลาย อันเป็นสิ่งที่แต่ละคนไฝ่ฝันหา....

ความรักและสายใยมิตรภาพระหว่างเพื่อน ระหว่างพ่อแม่กับลูก ระหว่างหญิงชาย และระหว่างตัวเราเองกับธรรมชาติรอบข้าง

เสียงแห่งความรักที่เกิดขึ้นบนสนามแรงเสมือนที่บริสุทธิ์ใส แผ่พริ้วบางเบาที่ล่องลอยมา

หากมิฟังด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ก็ไม่อาจจะได้ยิน.....หรืออาจได้ยินก็แต่เพียงแผ่วเบา...

เสียงของหัวใจที่ล่องลอยมาอย่างต่อเนื่อง.....
ราวกับสายน้ำแห่งความรัก ที่รินไหลอย่างต่อเนื่องของกาลาวกาศแห่งห้วงหัวใจ
รายร้อยสายโซ่แห่งสัญญาใจ....
ให้กันและกัน.....ตราบชั่วฟ้าดินสลาย....


...................................


ผม reddragon ที่ต้องมาบันทึกในหน้านี้เนื่องจากขอร้องให้ หลี่หงหลง บันทึกเกี่ยวกับฟิสิกส์สุนทรียภาพความรักบนสนามแรงเสมือน แต่ก็เห็นบันทึกค้างไว้
เพิ่งเดินสวนทางกันก่อนผมมาบันทึกในห้องนี้ หลี่หงหลง บอกว่าจะออกไปซื้อแว่นตากันน้ำ...กับยาหยอดตาแก้ตาอักเสบ

เขาบอกผมว่า บันทึกฟิสิกส์ให้ผมแล้วมันมึนหัว.....แถมปวดตาอีกต่างหาก

แล้วนี่ จะให้เขาช่วยบันทึก เรื่องฟิสิกส์ แสง สี ความร้อน ของความงามความรัก ได้ไหมนี่...?
ซุนปิน ก็หายไปหลงแสงสีในโลกเสมือนอยู่ นี่ หลี่หงหลงก็มาเป็นไปอีกคนแล้ว

หรือว่า เสียงของหัวใจ มันกระแทกจนผนึกลมปราณไม่ทัน....
มิผิด...ฤา หลี่หงหลง เก็บงำประกาย มิอาจแพร่งพรายตำนานอันใดออกมาได้


เอ..นี่เสียงหัวใจผมชักเต้นแปลกๆอีกแล้ว...
สงสัยว่าพรุ่งนี้จะต้องไปหาหมออีกแล้วมั้ง....

แนะ..แนะ !!!อย่าคิดอะไรแบบนั้น....ไม่มีอะไรหรอก..

ก็แค่ไปให้หมอฉีดยาชาที่หัวใจให้อีกเข็ม...ก็เท่านั้นเอง..!!!


Reddragon บันทึกแทน

..............................................


ฟิสิกส์แห่งแสง สี ความร้อนแห่งความรัก
บนสนามแรงเสมือน


รัก...แค่คำเดียวที่อยากพูดออกไปและอยากจะได้ยิน...วันละล้านๆๆๆๆหนอย่างมิเบื่อหน่าย....

ผม reddragon ต้องถามตัวเอง...
แค่เสียงของหัวใจ....ยังไม่เพียงพออีกหรือ..??!!!ถึงต้องมาฟัง แพ้ใจ จากน้อง 2 become 1 เพื่อตอกย้ำ....เวอร์ชั่น ใหม่ เจริญปุระ ยังไม่พออีกหรือ..

เอาอีกแล้ว reddragon อืม!!!.....ขอเวลาพักสักนิดหนึ่งนะครับ...ให้ยาชาที่ฉีดไว้ที่หัวใจออกฤทธิ์ก่อนไม่งั้นมันบันทึกหลักการฟิสิกส์ทางอารมณ์ไม่ได้....

เอ้อ..เริ่มได้ที่แล้วหัวใจเริ่มชาแล้ว....ขอเริ่มตำนาน..เอ้อ..พิมพ์ผิดไปครับมันเป็นวิชาการจริงๆนะนี่..คงใช้ว่าตำนานไม่ได้....ขอเริ่มกลศาสตร์แห่งแสงสีความร้อนของอารมณ์ความรักเลยนะครับ....

ผมหยิบบันทึกข้อมูลดิบ...ที่ซุนปินไปสัมผัสข้อมูลดิบของอารมณ์ที่สัมผัสตัวตนได้บนสนามแรงเสมือนของโลกไซเบอร์.....คงจะให้คำอธิบายได้ดีกว่าผม....ในการไปสัมผัสข้อมูลแสงสีความร้อน...

คำสารภาพ(บาป)ของซุนปิน


บันทึกไว้ดังนี้: ท่าน reddragon ครับ...ท่านบอกผมว่าผมอารมณ์ออ่นไหวและสัมผัสกับระบบความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วแสงของความรักที่จะเดินทางและแปรปรวนที่เร็วสูงมากของอารมณ์และให้ระมัดระวังแต่ในที่สุดครับท่าน...ผมก็แพ้ใจ...จนได้..คือมันเป็นแบบนี้ครับ....

ผมเข้าไปใน...หมู่บ้านในไซเบอร์....ความรักมันโชยมาปะทะผมยังตั้งตัวไม่ติดเลย...
องค์รวมของแสงที่ประกอบเป็นตัวอักษร....เต็มไปด้วยพลังงานที่หลากหลายของอารมณ์...
ท่านให้ผม..เก็บเฉพาะข้อมูลความรัก...ผมก็เลยเลือกเก็บเฉพาะข้อมูลความรักตามท่านบอก...

บ้านแต่ละหลัง...ที่ผมสัมผัสได้จากแสงของตัวอักษร....และสีที่เธอแต้มลงไป...

บางบ้านจากรอยสัมผัสบนตัวอักษรที่เธอถ่ายทอดผ่านมามันมีพลังงานความรักที่สูงจนตรวจวัดไม่ได้....

บางบ้านแสงจากตัวอักษรบนหัวใจของเธอ...วาดเป็นขุนเขาลำธารใส....ดอกไม้สวยผีเสื้อโบยบิน...บางหลัง...เธอเอาชอ็กโกแล็ตไปติดไว้ให้พระอาทิตย์ได้กิน...จะได้มีหัวใจหวานๆแปลกแฮะไม่ยักละลาย....

บางบ้าน...แม้ว่าแสงจากตัวอักษรบนหัวใจของเธอเขียนด้วยหมึกสีดำ...แต่นั่นแหละธรรมชาติมันก็มีหลายสี...ผมเอาหิ่งห้อยไปติดไว้ให้ก็เป็นความสวยงามของยามค่ำคืนครับ...ตอนเช้าพระอาทิตย์ก็สว่างเท่านั้นเองแหละ....บางคนก็ช่วยเอาดวงจันทร์และดาวน้อยๆ...ไปแขวนไว้ให้...ไม่ให้บ้านมันมืดมน..

มวลพลังงานความรักจากแสงของตัวอักษรเหล่านี้...
ผม..เก็บเอาความงดงามของแต่ละคนในแต่ละบ้าน....องค์รวมความงดงามของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป....เป็นอารมณ์ อุดมคติ ที่ผมไฝ่ฝันหา.....บางคนผมก็ชอบเสน่ห์ที่น่ารัก...บางคนก็เปิดเผยจริงใจ....บางคนก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่....บางคนก็งอนมั่งนิดๆแต่นั่นแหละเป็นเสน่ห์ที่น่ารักอย่างหนึ่ง...ฯลฯ...

มวลพลังงานความรักเหล่านี้...หลายองค์รวมดังกล่าวได้ก่อรูปการใหม่ในจิตใจผม...
เป็นองค์รวมแห่งจินตนาการของคนรักในอุดมคติ......ที่รักกันชั่วฟ้าดินสลาย....

นี่เป็นแค่องค์รวมแห่งอารมณ์หนึ่งในความรักแบบชายหญิงที่เกิดขึ้น....
ยังมีองค์รวมความรักหลายๆองค์รวมที่เกิดขึ้น....
เป็นการทับซ้อนขององค์รวมภายใต้ระบบความเร็วสูง....ที่เริ่มต้นที่ความเร็วแสง...

และการแปรเปลี่ยนที่เร็วสูงมาก...ของอันตรกิริยาต่างๆ.....ใจของผมไม่มั่นคงพอที่จะยกระดับไปสู่ความรักที่สูงขึ้นและยิ่งใหญ่...คือความรักที่กระจายอยู่อย่างอนันต์กาล...ชั่วฟ้าดินสลายในจักรวาลนี้ในหลายระบบความเร็วที่สูงและสูงยิ่งขึ้น.....จนถึงอนันต์และชั่วฟ้าดินสลาย....

ท่านreddragon.....ครับ...

ผมแพ้ใจ...ครับ...
ผมสัมผัสกับมวลพลังงานความรักที่เดินทางมาก่อน..แสงจากตัวอักษร...ครับ...!!!



……………………………………

การอธิบายหลักการกระบวนทัศน์องค์รวมพหุภาพ9 มิติ ในฟิสิกส์ระบำปลายเท้าจะเป็นการทำความเข้าใจหลักๆในกรอบขององค์รวมพหุภาพกายภาพหรือมิติที่7....มิติที่8องค์รวมพหุภาพเวลา....และมิติที่9องค์รวมพหุภาพอันเป็นองค์รวมของมิติต่างๆทั้งหมดที่กล่าวมา...
..........โดยการใช้หลักการเหล่านี้อธิบายปรากฏการณ์แห่งสรรพสิ่ง...เช่นทางด้านสังคม...ทางฟิสิกส์ธรรมชาติทั้งด้านมหภาคและจุลภาคไปถึงหน่วยย่อยอนุภาค...ทางจิตใจของคนเราอันได้แก่สิ่งที่เป็นนามธรรมต่างๆเช่นอารมณ์..สุนทรียภาพความงามความรักเป็นต้น...ทางจิตวิญญาณที่เป็นมวลพลังงานดำรงอยู่ในจักรวาล...

...............................................


ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า(TOE) :
(ตอน..สุนทรียภาพ...ความงามความรัก)

(ต่อจากตอนที่แล้ว)


ผม reddragon ต้องขออภัยถ้าหากการบันทึกไดอารี่ในช่วงที่ผมบันทึกแทน...หลี่หงหลงในหน้านี้มันแข็งทื่อและไร้อารมณ์...เป็นเพราะอาการของยาชาที่ฉีดไว้ที่หัวใจมันออกฤทธิ์เต็มที่....

พร้อมๆกับหัวใจที่เมาเมา....ก็อาจทำให้อ่านแล้วมึนงง....ไม่ต้องโทษใครหรอกครับที่มึนๆนะเพราะผู้เขียนเองบันทึกแบบเซๆและชาๆนะครับ....

สุนทรียภาพ....ความงามและความรักที่เกิดขึ้นบนสนามแรงเสมือน...หรือโลกของไซเบอร์สเปซ....ดังได้กล่าวมานอกจากเสียงแห่งหัวใจแล้ว...

ยังมีการก่อรูปเป็นองค์รวมใหม่อันเกิดจาก แสง สี และความร้อน....

มนุษย์ทุกคนในโลก....หากเมื่อทำการวิเคราะห์แบบแยกส่วนกว้างๆประกอบไปด้วยระบบแห่งองค์รวมใหญ่2องค์รวมคือองค์รวมทางวัตถุหรือทางกายภาพ...และองค์รวมทางด้านจิตใจ

ในการวิเคราะห์แบบแยกส่วนย่อยลงไปในโลกทางวัตถุ....ในสิ่งที่เล็กที่สุด...ปัจจุบันเท่าที่เราตรวจวัดได้ก็จะพบว่าในหน่วยย่อยเล็กระดับควาร์ก...ก็ยังเป็นการประกอบกันขึ้นมาจากมวลพลังงานอื่นๆมากมายเช่นกลูออนพลาสม่า เป็นต้น....หามีอนุภาคใดๆที่ดำรงตนเองหรือก่อเกิดขึ้นมาอย่างอิสระ....

การวิเคราะห์แบบแยกส่วนย่อย....เรายังพบว่าอนุภาคยังมีการแสดงออกใน2ลักษณะคือเป็นอนุภาคและในอีกสถานะคือเป็นคลื่น..

ในทางคณิตศาสตร์ปัจจุบัน...เราไม่สามารถประมาณค่าที่แน่นอนได้...เช่นค่าอินฟินิตี้...ค่าอนันต์เป็นต้น....

ดังนั้นการอ้างอิงในสิ่งที่เป็นนามธรรมด้วยรูปแบบของการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จึงมีข้อจำกัดที่จะหาค่าประมาณการ......ดังเช่น แบบวิธีวิเคราะห์ เอส มาร์ทริก ที่วอร์เนอร์ ไฮเซนเบร์กซึ่งใช้ในการวิเคราะห์หาประมาณการตำแหน่งแห่งที่ของสิ่งที่เล็กที่สุดของวัตถุหรืออนุภาค...ก็ยังได้ข้อมูลกว้างๆเท่านั้นของความน่าจะเป็น......

หรือค่าของผลกระทบของผีเสื้อที่เราคำนวนไม่ได้จากข้อจำกัดแบบจำลองทางคณิตศาสตร์...เราจะเห็นได้ว่าแบบวิธีคิดหรือแบบจำลองในสิ่งี่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดมากมายในการหาค่าประมาณการ....


การวิเคราะห์แบบองค์รวม(holistic) จะเห็นได้ว่าองค์รวมของมนุษย์ไม่อาจจะแยกส่วนระหว่างกายภาพและจิตใจได้..และต่างเกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน..และมีคุณสมบัติที่เป็นเฉพาะขององค์รวมแต่ละองค์รวมที่ไม่เหมือนกัน....และแสดงคุณสมบัติที่แตกต่างกัน...โดยไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้ที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ.....

การตรวจวัดในทางอารมณ์หรือทางจิตใจ....ซึ่งต้องใช้องค์รวมอายตนะของมนุษย์แต่ละคนเป็นเครื่องวัด.....ก็ไม่อาจจะคำตอบที่เป็นแบบกลไก....เช่นสิ่งที่ป้อนเข้าไป...และผลออกมา..จะต้องออกมาเหมือนกันแบบกลไก....

ยกตัวอย่างง่ายๆ....เอาก้อนหิน 1 กิโลกรัม ....วางบนมือคน10 คน...น้ำหนักในใจแต่ละคนยังไม่เท่ากันเลย....และไม่มีค่าที่แน่นอนทุกประการว่าน้ำหนักในใจแต่ละคนเท่ากัน...

เมื่ออารมณ์แห่งความรักของแต่ละคนก่อเกิดจากอันตรกิริยาขององค์รวมอันแตกต่างกัน...แต่ละคนก็มีคุณสมบัติขององค์รวมที่แตกต่างในการตรวจวัด....และแตกต่างในคุณภาพขององค์รวมในการตรวจวัด......

อืม...แล้วหัวใจเซๆ...อย่างผม....ไหนเลยผมจะตรวจวัดได้นี่.....มันเปลี่ยนแปลงราวกังหัน...หมุนวนวันละร้อยหนของระบบความเร็วสูง....เพราะตาลาย...กับความรักบนโลกเสมือนแห่งนี้...


สงสัยยาชา...จะเริ่มจางครับ...!!!


...............................


ผม reddragon....อ่านบันทึกคำสารภาพ(บาป)ของซุนปิน ต่อในอีกหน้า...ซึ่งบันทึกหัวข้อว่าบันทึกข้อมูลทางฟิสิกส์กายภาพและชีวภาพของกุหลาบ...บนสนามแรงเสมือน....ซึ่งบันทึกไว้ดังนี้...


“ ผม...ซุนปิน...ได้เข้าไปยังสวนดอก......

เอ้อ....ขอโทษคอแห้งเสียงขาดหายไปหน่อยกุหลาบบางดอกมองค้อนขวับผมเลยต้องพูดต่อ......

....สวนดอกกุหลาบครับ...ในหมู่บ้านในไซเบอร์แห่งหนึ่ง....และได้แวะทักทายกับกุหลาบต่างๆมากมาย...เพื่อสัมผัสกับข้อมูลทางแสงสีเสียงและความร้อนแห่งกุหลาบ....ในสนามแรงโลกเสมือน...

มันเป็นสิ่งที่ลำบากมากนะครับ....ที่จะใช้สมการคณิตศาสตร์แห่งโลกวัตถุตรวจวัดในเชิงประจักษ์นิยมขององค์รวมอารมณ์แห่งความรัก......เพราะสิ่งที่ตรวจวัดนั้นมันมีค่าอนันต์ในโลกของวัตถุ....และหยั่งวัดความรู้สึกได้ก็ต้องใช้สุนทรียภาพของอารมณ์หรือการสัมผัสเสียงสีแสงความร้อนแห่งหัวใจ....

อย่างเช่น...อักษรของคำว่า..รัก...ที่ปรากฏบนหน้าจอ...แค่คำเดียวพลังงานศักย์ที่ดำรงอยู่มหาศาล...เกินกว่าตรวจวัดได้ในทางวัตถุ...หากวัดทางวัตถุจะเห็นได้ว่าพลังงานมหาศาลกว่าจะมาเป็นคอมพิวเตอร์ได้ทั้งพลังงานในการผลิตวัตถุดิบ..การจัดการ......และในตัวผมเองที่บริโภคอาหารมาหลายปีกว่าจะเกิดการรับรู้ของพลังงานความรักที่มีพัฒนาการยกระดับไปเรื่อยในทางจิตใจ...และยังรวมไปถึงอันตรกิริยากับภายนอก....กับคนที่เรารักและผลกระทบกลับ....

พลังงานศักย์ของความรักที่ดำรงอยู่เหล่านี้ในทางวัตถุ...มันมีค่าศักย์ที่ดำรงอยู่มหาศาลยังหาค่าประมาณการไม่ได้....

ผม..ซุนปินต้องขออภัย...กุหลาบทุกดอก..ในหมู่บ้านแห่งนี้ถ้าหากว่าข้อมูลที่บันทึกนี้อาจทำให้กุหลาบในโลกเสมือนแห่งนี้ไม่พอใจ...เพราะอาจเป็นข้อสรุปของผมซุนปินที่มองเพียงผิวเผินแห่งข้อมูลดิบที่มีอันตรกิริยากับตนเอง.....โดยกระบวนแห่งอันตรกิริยามีขอบเขตที่กว้างกว่าโลกทางวัตถุคือเมื่อเทียบกับโลกทางวัตถุอย่างสัมพัทธ์ก็จะเป็นอันตรกิริยาของอดีตปัจจุบันและอนาคตในขอบเขตของกาลาวกาศ.....และไม่ขึ้นกับกฎอนุรักษ์มวลพลังงานในทางวัตถุ...

กุหลาบดอกนั้น...แห่งอดีตกาลก่อรูปขึ้นในใจผม....ในต้นแรกเมื่อผมเดินเข้ามาผมทักทายกับเธอ...และสัมผัสกับความหวานและนุ่มนวล...ความอบอุ่น..และกลิ่นหอมบางเบาที่โชยมา...มันทำให้เกิดความรู้สึกที่อยากได้มาไว้ครอบครองไว้ในใจ....

ผมต้องถามตัวเอง...การครอบครองอย่างหยาบๆเหมือนโลกทางวัตถุเพื่อตนเองมันจะยั่งยืนชั่วฟ้าดินสลายหรือ....เมื่อกุหลาบแดงดอกนั้นที่เอาเก็บไว้ในสมุดบันทึกมาหลายปีมันก็เป็นเพียงดอกไม้แห้งแบนตามน้ำหนักกระดาษที่ทับและก็ไร้กลิ่นหอม....หาได้ชั่วฟ้าดินสลายในการครอบครองไม่

แต่ทำไมมันยังดำรงอยู่ในใจ....ผมถามตัวเอง...และก็ได้คำตอบ....มิตรภาพและ ความดีงามที่เธอให้มาต่างหากดำรงอยู่ในใจผม....มายาวนาน.....รูปทางวัตถุที่แปรเปลี่ยนไปตามทางธรรมชาติหาได้คงที่ไม่....

“ เจ้าอยากจะได้กุหลาบมาครอบครองไว้ในใจ....แล้วจะอยู่ได้นานหรือเมื่อเจ้าเองก็ไม่ได้ให้ความรักอะไร...แก่กุหลาบ.”....ผมถามตนเอง...

เพียงแค่อยากให้กุหลาบมาไว้ในการครอบครองตามความต้องการ...ชั่วฟ้าดินสลาย...

หากไม่มอบความรักที่บริสุทธิ์...ไหนเลยจะได้รับมิตรภาพและรอยยิ้มจากกุหลาบเพื่อที่จะเก็บเอาความประทับใจเหล่านั้นมาไว้ในใจ....

ผมยังคงยืนวนเวียนอยู่ที่ต้นกุหลาบต้นนั้นที่ก่อรูปของอารมณ์ในองค์รวมแห่งความรักที่เกิดขึ้นอย่างหยาบๆ.......ในที่สุดก็ต้องตัดใจเมื่อนึกถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก..reddragon….

หากไม่เดินต่อไปไหนเลยจะหาข้อมูลดิบได้....เมื่อกุหลาบยังมีอีกมากมายและนี่เพียงแค่ระบบความเร็วขั้นต่ำเท่านั้น...ระบบความเร็วที่สูงกว่านี้แล้วเจ้าจะทำได้หรือ...และยังจะมีโลกแห่งความเร็วที่สูงกว่านี้อีก...ไปจนถึงอนันต์

ผมเดินจากกุหลาบต้นนั้นที่เกิดอันตรกิริยาจากอดีตด้วยความปวดร้าว......แต่ก็ไม่วายหันไปชำเลืองดูอีกรอบ...

การมอบมิตรภาพและความรักออกไปจากตัวตนต่างหากที่จะคงความรักชั่วฟ้าดินสลาย......ผมต้องเตือนตนเอง....เพราะผลจากการกระทำเช่นนั้นจึงจะได้รับความรักที่บริสุทธิ์กลับมาเก็บไว้ในใจ....

ความรักที่สัมผัสได้จาก...แสงสีเสียงและอุณหภูมิแห่งหัวใจ...ย่อมเบาบางบริสุทธิ์..ไร้ซึ่งความหวาดระแวงเคลือบแคลงสงสัยใดๆซึ่งกันและกัน.......และสัมผัสได้ด้วยใจเท่านั้น...


ผมสัมผัสกับความอดทนเสียสละอันยิ่งใหญ่ของกุหลาบต้นหนึ่ง....ที่เผื่อแผ่ความรักออกมาด้วยมิตรภาพที่มีต่อต้นอื่นๆ....ทั้งๆที่กุหลาบดอกนั้นกิ่งก้านลำต้นอ่อนแอยิ่งนักด้วยโรคร้ายที่รุมล้อม...

กุหลาบ...หลายดอกปวดร้าว..ทั้งๆที่รูปโฉมแห่งการที่ผมสัมผัสด้วยตัวอักษรมันจะปิดบัง....แต่ผมมองเห็นความงดงามความรักและมิตรภาพแห่งจิตใจที่ดีงามของเธอ...มันอยู่ลึกเหนือการสัมผัสด้วยสายตาในโลกทางกายภาพจากตัวอักษรบนคอมพิวเตอร์ที่เป็นสื่อเข้าสู่โลกเสมือน......

บางดอก...ก็แสดงออกในเรื่องโฉมภายนอกเพื่อให้ได้รับการยอมรับหรือรับความรักจาก..กุหลาบอื่นๆ....ความจริงแล้วมีความงดงามอีกมากมายภายในที่ให้สัมผัสได้....

บางครั้งก็แสดงออกในลักษณะประชดประชันกับ...ความงดงามจอมปลอมหรือหน้ากากจากภายนอก.....จนทำให้ดอกกุหลาบอื่นๆดูว่าก้าวร้าวและแปลกแยก...แต่ที่จริงแล้วยังมีความงดงามในใจถ้าหากกุหลาบเหล่านั้นสัมผัสกับภายในของตน....

ผมเห็นกุหลาบน้อย...บางดอกที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว....ได้รับมิตรภาพอันอบอุ่นจากมวลกุหลาบที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กุหลาบน้อยๆเหล่านั้น....

เราไม่อาจจะสัมผัส...แสงสีเสียงแห่งความรักที่บริสุทธิ์เหล่านี้ได้.....หากเราคิดเพียงจะครอบครองให้ได้มา...เพื่อเพียงให้คนอื่นรักเรา....ให้สังคมรักเรา...ให้ประเทศชาติและมวลมนุษยชาติรักเรา...แต่เพียงฝ่ายเดียว.....

โดยเราไม่ได้ให้ความรักความที่บริสุทธิ์ออกไป....มีเพียงการแสดงออกก็เพียงเพื่อหวังครอบครองแห่งตน....

ความรักที่บริสุทธิ์....บางเบาเกินกว่าสิ่งหยาบกร้านทางกายภาพจะรับรู้.....และนอกเหนือจากโลกกายภาพที่สัมผัส....ยกเว้นจิตใจที่ใสสะอาด....

รักบริสุทธิ์จากการที่เราให้ไป....จะตราตรึงอยู่ในใจแห่งผู้ให้และผู้รับ....ชั่วฟ้าดินสลาย..

ความรักที่เกิดขึ้นอย่างชั่วฟ้าดินสลาย....เกิดจากการที่เราให้ออกไป...

เมื่อมีแต่ความรักออกไป....เราจึงตัดความโกรธความเกลียดของเขาเหล่านั้นออกไปได้...
เหลือเพียงแต่ความรัก.....ที่เรานำมาหล่อหลอมใหม่ในใจเรา....
เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทั้งในขอบเขต...และกาลเวลา...รวมทั้งระบบของความเร็ว..
ขอบเขตุของ...อดีตที่กว้างขึ้น...ปัจจุบัน..และอนาคตที่กว้างขึ้น...
เมื่อเทียบกับโลกทางวัตถุ...อย่างสัมพัทธ์....


ผิดไหมครับ...ท่าน reddragon....ที่ผมจะรักกุหลาบเหล่านี้....
บาป...ไหมครับ...ถ้าผมจะรักเธอชั่วฟ้าดินสลาย.....
รักในความดีงาม....ความบริสุทธิ์ใจของเธอที่แสดงออกมา.....จากส่วนลึกสุดในใจ..
ที่ผมนำมาหล่อหลอมในจิตใจใหม่....

ผมขอรักเธอ...ชั่วฟ้าดินสลาย....บาปไหมครับ...!!!
และจะขอรักอย่างไม่มีความหวาดระแวงเคลือบแคลงสงสัยใดๆ...ครับ..

ทั้งๆที่ผมไม่เคยเจอรูปร่างทางกายภาพ...ของกุหลาบเหล่านี้แม้แต่ดอกเดียว...!!!
สัมผัสเพียง...อณูแห่งความรักที่แผ่มาจากตัวอักษรที่ลึกลงไปในหัวใจ......

...................................


ความรักสูงสุด....ก็คือนิพพาน


ผม..reddragon...เปิดอ่านบันทึกในอีกหน้า...ของซุนปิน..บันทึกว่า....

หลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นไปได้ยังไงความรักสูงสุดก็คือนิพพานครับ......แต่เป็นความจริงครับ...เมื่ออธิบายในเชิงประจักษ์นิยมในแบบที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์หรือหลักการทางฟิสิกส์ชีวภาพ....ภายใต้อันตรกิริยาของมวลพลังงานกับองค์รวมทางกายภาพและชีวภาพของมนุษย์....

นิพพานหมายถึง...การดับสูญของจิตและไม่มีการเกิดขึ้นใดๆเพื่อก่อรูปการทางวัตถุหรือกิเลสขององค์รวมทางชีวภาพมนุษย์คนนั้นๆ....
กระบวนการแห่งอันตรกิริยาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เป็นการสร้างตนเองขึ้นมาใหม่ขององค์รวมนั้น....แต่การเกิดขึ้นมาใหม่ในรูปการทางวัตถุอื่นๆเนื่องจากเกิดจากการที่องค์รวมอื่นองค์รวมใดได้ดึงเอามวลพลังงานที่กระจายอยู่เข้ามาก่อรูปการใหม่ภายใต้กระบวนการแห่งอันตรกิริยาที่เกิดขึ้นมาใหม่....

อันตรกิริยาในทางฟิสิกส์...ขององค์รวมแห่งความรักของมนุษย์เกิดจาก...
กระบวนแห่งการดึงดูดมวลพลังงานและกระบวนการส่งผ่านมวลพลังงานออกไป...ภายใต้กรอบอ้างอิงของระบบกาลาวกาศที่อ้างอิงอันแตกต่างกันไปตามพัฒนาการของกระบวนการทางจิต....

ระบบทางจิตใจของมนุษย์ มีหลายระบบอ้างอิง...
นับตั้งแต่ปฏิสนธิ....วัยเด็ก...วัยรุ่น....ผู้ใหญ่...และวัยชรา...
กระบวนการดึงดูดมวลพลังงานเข้ามา.....และกระบวนการส่งผ่านมวลพลังงานออกไป....

แต่กระบวนการด้านจิตใจของมนุษย์ที่มีพัฒนาการที่สูงขึ้น....เกิดจากกระบวนแห่งการส่งผ่านพลังงานออกไป....ครับ...มีแต่การส่งมวลพลังงานความรักออกไป....จิตใจจึงจะยกระดับการพัฒนาสูงขึ้น...และไม่ก่อรูปอันตรกิริยาของระบบความเร็วต่ำลงของรูปการวัตถุ....และระบบที่ช้าลงเรื่อยๆ...จนถึงการเกาะกุมอย่างหนาแน่นของมวลกิเลส....จนถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกวัตถุกับโลกทางจิตที่เกิดการกระทำในทางวัตถุ.....

กระบวนการส่งพลังงานแห่งความรักออกไปกระทำต่อมวลพลังงานมหาศาลที่ดำรงอยู่ภายนอกในจักรวาล....มีผลให้เกิดพลังงานที่สูงในกระบวนการที่เกิดอันตรกิริยาบนสนามแรง....ทั้งนี้เนื่องจากพลังงานภายนอกที่ไร้แรงต้านทานใดๆอันตรกิริยาที่เกิดขึ้นใหม่ในใจจึงเป็นการวิ่งกลับไปมาในขอบเขตุที่กว้างขวางออกไปจากตัวตน....เพื่อตัวตน....


สุนทรียภาพทางด้านอารมณ์....ถ้าเราค้นคว้าเพื่อหาค่าตรวจวัดประมาณการในรูปการทางวัตถุ...การประยุกต์เพื่อนำมาใช้ในการดัดแปลงธรรมชาติของมนุษย์.....เราก็อาจเกิดการค้นคว้าการโคลนนิ่ง...การย้ายมวลสารหรือองค์รวมของกระบวนการที่ก่อเกิดอารมณ์ที่มีอันตรกิริยากับภายนอก....เพื่อตรวจวัดค่าอันตรกิริยากับมวลพลังงานแห่งความรัก....ที่ดำรงอยู่ในสนามแรงในรูปการตรวจวัดค่าประมาณการในทางวัตถุ.....

การนำเอาความรู้ในเรื่องสุนทรียภาพของความรักไปประยุกต์ค้นคว้า....สามารถที่จะสร้างสรรค์และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการยกระดับจิตใจของมนุษย์มากมายเหลือคณานับ...
เช่นระบบกลไกของมนุษย์ที่มีต่อยาหลอก....หรือสิ่งที่หลอกตนเองว่ากินยาแต่หายได้...ซึ่งความจริงแล้วกระบวนการรักษาตนเองของมนุษย์เป็นตัวสำคัญในการหาย....กระบวนการบังคับของอารมณ์..ฯลฯ....

พลังงานความรัก...ยิ่งใหญ่ที่สุด...และเป็นบ่อเกิดของสรรพสิ่ง....
มีพลังงานสูงที่จะหยุดระเบิดนิวเคลียร์
สามารถที่จะทำให้โลกมีสีเขียว....จากที่แห้งแล้งได้...
สามารถที่จะทำให้มวลชีวิตทุกชีวิต....มีความสุข...
หยุดยั้ง...การทำลายล้างที่มนุษย์...มีต่อสรรพสิ่ง....

เพราะความรักที่มนุษย์มีต่อมนุษย์และต่อสรรพสิ่ง....ก็คือจริยธรรมสูงสุด....

..............................


ความรัก....เป็นหัวใจแห่งนวัตกรรมและสรรพศาสตร์


การประยุกต์....หลักการแห่งความรักอันเป็นหลักการพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้...ในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์นั้น...ความรักคือพื้นฐานของกระบวนการใดๆในการก่อรูปการทางความคิด...

บางคนอาจจะบ่นว่า....หลี่หงหลง...เขียนอะไรอยู่ได้...มีแต่เรื่องรักๆๆๆ...หาสาระอะไรไม่ได้...

นั่นก็เป็นอีกความคิดหนึ่ง....แต่เมื่อเราจะวิเคราะห์กฎเกณท์ใดๆมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ...เพราะมนุษย์เป็นผู้วิเคราะห์และก็มีเพียงการวิเคราะห์ความรักตัวตนของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมภายนอก....

ในการตรวจวัด...ทิศทางทฤษฎีใดๆว่าถูกต้องหรือไม่...วัดง่ายๆคือมีดุลยภาพของความรักหรือไม่....แค่นี้เองครับ...ในสังคมมนุษย์ก็คือไม่ได้เอียงไปในการรักเพื่อตัวตนมากไปหรือการให้ออกไปโดยไม่สามารถคงรูปอย่างสัมพัทธ์ของตัวตนได้....

หลักการทั่วไปของทฤษฎีใดๆจากตอนที่แล้วคงสรุปได้กว้างๆว่า...
วิเคราะห์องค์รวมแห่งความรัก....บนเส้นทางสายกลางแห่งความรัก....ที่มีขอบเขตุพัฒนาการจากตัวตนไปสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก.....
ความรัก....เป็นองค์รวมแห่งการก่อเกิดความสุข..ความอบอุ่น...ความเอื้ออาทร..สันติภาพ...

การประยุกต์เพื่อสร้างนวัตกรรมทางทฤษฎีในทางสังคมศาสตร์ให้มีทิศทางที่ถูกต้องและรับใช้กับมนุษย์...ในการวิเคราะห์แบบแยกส่วน ตัวอย่างเช่น...

เศรษฐศาสตร์ : หลักการสร้างดุลยภาพของความรัก ในการจัดสรรทรัพยากร...
การเมือง- สังคม : หลักแห่งดุลยภาพของความรักระหว่างบุคคลและสังคมอันเกี่ยวพันกับ การใช้อำนาจ และกฎเกณท์การอยู่ร่วมกันในสังคม

สิ่งแวดล้อม,จิตวิทยา,การบริหารการจัดการ,การตลาด,การโฆษณาประชาสัมพันธ์,การทหาร...ฯลฯ

การประยุกต์เพื่อสร้างนวัตกรรมและตรวจสอบทิศทาง...ว่ารับใช้มนุษย์หรือไม่..ในทางด้านวิทยาศาสตร์...เช่น..

สถาปัตยกรรม : หลักการจัดดุลยภาพในความสัมพันธ์สุนทรียภาพความรัก กับการสร้างแบบจำลอง..
วิศวกรรม....ก็เป็นหลักการที่เป็นการจัดการด้านโครงสร้างในโครงงานหรือแบบจำลองใดๆภายใต้จินตนาการอันก่อเกิดจากความรักแห่งตัวตนของคนเราในการดำรงชีพให้เกิดดุลยภาพกับภายนอก

ฟิสิกส์....ก็เป็นการค้นคว้าหาหลักการทั่วไปในการทำความเข้าใจกฎเกณท์ต่างๆทางธรรมชาติภายใต้กรอบคิดของมนุษย์...ที่มีอันตรกิริยากับสนามแรงในจักรวาล...และที่สำคัญสนามแรงเสมือนหรือสนามแห่งความรักอันอยู่บนโลกแห่งจิตใจของมนุษย์.....( คงจะได้กล่าวในตอนต่อๆไป....เกี่ยวกับสนามแรงและฟิสิกส์แห่งกรรม...กลศาสตร์การเคลื่อนที่ของผี...ฟิสิกส์ชั่วฟ้าดินสลาย......)

จะเห็นได้ว่า...ทุกสาขาวิชาล้วนแยกไม่ออกจากมนุษย์....และมนุษย์ก็มีความรักเป็นพลังแห่งการขับเคลื่อน....การสร้างทฤษฎีใดๆที่มีทิศทางที่ถูกต้องในการนำมารับใช้มนุษย์.....ก็ย่อมแยกไม่ออกจากความรักและการจัดดุลยภาพของความรักหรือเส้นทางแห่งรัก....ระหว่างตัวตนเพื่อครอบครอง...กับการให้ออกไป....

ในสนามแรงต่างๆ...ที่มนุษย์ค้นพบมีเพียงแค่ 4 สนามแรง....แต่หาคำตอบไม่ได้ว่าระบบจิต...ดำรงอยู่ที่ตรงไหน.....เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยบันทึกต่อ....เพราะเดี๋ยวจะสรุปไม่ได้ว่าสุนทรียภาพคืออะไร..

คำตอบง่ายๆ....ครับ..คือ..รัก.....

ผมขอสรุปกว้างๆ....จากข้อมูลที่...ซุนปิน...และreddragon …..วิเคราะห์ตัวอย่างอารมณ์...ต้องเข้าใจนะครับว่าอารมณ์...เพราะอารมณ์เป็นตัวก่อเกิดสุนทรียภาพ...ในการวิเคราะห์บนโลกเสมือนในเรื่องอารมณ์แห่งความรัก...ของชายและหญิง.....

อ้อ..ลืมเปิดบันทึกเทปที่สองคนเขาพูดกันผมแอบอัดไว้จะดูว่าเขานินทาผมยังไง....เทปบันทึกบางตอนดังนี้ครับ...

Reddragon: เอ้า...กลับมาแล้วเหรอ..ซุนปิน....เฮ้ย!! มาดูอะไรหน่อย...
ซุนปิน : ท่านreddragon เอาผ้าคลุมคอมพิวเตอร์หน่อยครับ...

Reddragon ทำไมล่ะ...
ซุนปิน : ผมเขินครับ...!!!

Reddragon : จะบ้าหรือไงซุนปิน....มิน่าถึงเดินเข้าใกล้คอมพ์หน้าแดงวูบเลยเชียว..เพราะยังงี้นี่เอง...ถึงไม่กล้าไป..แชทแซวเขาตามบ้านต่างๆ...
ซุนปิน : สงสัยผมต้องแปลงร่างใหม่แล้วล่ะ...ท่าน Reddragon

Reddragon : ซุนปินดูนี่สิ...คอมพ์มันไฟฟ้าช็อตหรือเปล่าแดงวูบวาบเลย...
ซุนปิน : ท่าน Reddragon ท่านยังไม่เสียบปลั้กเลยครับ...!!!


ผมหลี่หงหลงก็ได้แต่มึนงงกับสองคน....โรคแพ้ใจซินโดรม...มีอาการข้างเคียงคือเขินได้ด้วยแฮะ!!!.....เขินได้ยังไงกับคอมพิวเตอร์....

..........................................


วันนี้ผม...หลี่หงหลง...กลับมาบันทึกไดอารี่ที่บ้านตัวเองอีกครั้ง.......คือผมไปว่ายน้ำมาครับเลยให้reddragonกับซุนปินช่วยบันทึกต่อเรื่องสุนทรียภาพความงามความรักบนสนามแรงเสมือน....แทนให้...

ไม่รู้สองคนเขานินทาอะไรผม...คือออกไปซื้อแว่นกันน้ำเพราะมันรั่วเวลาว่ายน้ำและดำน้ำ...น้ำมันเข้าตาเลยแดงนิดหน่อย.....ว่ายน้ำ..ดำน้ำก็มีความสุขสดชื่นดีครับ.....

บางคนถ้าเกิดอาการ chill chill จากการว่ายน้ำนานไป...ขาดอุ่นไอรัก...เอ้อพูดผิดไปหน่อยครับมันติดปาก....chill.... ที่ผมกล่าวถึงไม่ได้มีความหมายอันเป็นแสลงของเด็กแนวๆเขาใช้กันนะครับที่หมายถึงการผ่อนคลายรีแลกซ์อะไรทำนองนี้.....แต่หมายถึงคำแปลที่ว่าเย็นยะเยือกตามศัพท์.....

แต่ถ้าใครเกิดอาการดังกล่าวนี้...คือขาดไออุ่นก็เปิดคอมพ์ครับ....และเอามืออังที่หน้าจอ....ไม่ต้องเสียบปลั้กนะครับ..ถ้ามองเห็นหัวใจคอมพ์มันเต้นตุบตับ...ละก็นั่นแหละร่างกายจะอุ่นขึ้น....เพราะคนในบล็อกเขาส่งมา....

เอ้า...สองคนเขาบันทึกอะไรทิ้งไว้อีกล่ะ....เดี๋ยวค่อยอ่านให้ฟังครับ...

คือ ผมหลี่หงหลง.....บันทึกค้างไว้ก่อนสองคนมาเขียนต่อ...เรื่องอาการของโรคแพ้ใจซินโดรมที่แพร่ระบาดในโลกเสมือนนั่นแหละ......มันเป็นแบบวิเคราะห์เพื่อการประยุกต์ของสถาบันวิจัยประยุกต์การย้ายมวลพลังงานความรัก...ที่ซุนปินและreddragon เขากำลังหาข้อมูลรวบรวมอยู่....

ที่ผมกล่าวถึง....ก็เพราะว่าถ้าคุณย้อนกลับไปในตอนที่ผมเขียน...และลองฟังเสียงของหัวใจใหม่....ถึงเวลานี้คุณคงทราบแล้วว่า...อาการแพ้ใจมันยกระดับขึ้นไปสู่ระดับของระบบที่มีความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิม....นั่นหมายความว่าเริ่มลดการคิดคำนึงแค่ตัวตน...หันไปทำความเข้าใจคนอื่นที่ไม่ใช่เรา....คุณลองทดสอบหลายๆครั้ง....เข้าไปแชทๆๆๆๆๆ...ให้เยอะส่งผ่านความรักออกไปให้เขาหัวเราะเขามีความสุขหยอกล้อกันมั่ง...

คุณรู้ไหมครับ...ปฏิกิริยาย้อนกลับที่เกิดขึ้นคุณเองนั่นแหละครับ....นั่งยิ้มอยู่ได้คนเดียว.....

แน่ะ...ผมมองเห็นนะครับ....คอมพิวเตอร์ของคุณหน้าแดงเลยล่ะ...!!!
เอ๊ะ...!!! มีด้วยเหรอคอมพ์หลั่งสารเอ็นโดรฟิน....???


ขอวกเข้าเรื่อง...ตามหัวข้อข้างบน....ถ้าการบันทึกเรื่องราวอาจจะ Chill Chill ก็คงเป็นเพราะแช่น้ำมานาน.....ไม่เหมือนreddragonหรอกครับ...ฉีดยาชาหัวใจเข้าไปได้ยังไง....สงสัยแอบฟังเสียงหัวใจหมอฟันที่ถอนฟันแน่เลยเพราะปากมันพูดไม่ได้เวลาถอนฟัน.....จำเป็นต้องฟังเสียงหัวใจหมอ.....

ดังได้กล่าวมาข้างต้น...
สรรพศาสตร์ทุกแขนง....สุนทรียศาสตร์...สังคมศาสตร์ทุกสาขา....การเมืองการทหาร...ปรัชญา....จริยธรรม ความเชื่อ บรรทัดฐานทุกชนิด หลักของนวัตกรรมทุกสาขา ฯลฯ

สรุปง่ายๆ....ทุกสาขาวิชาการ...มีหลักการอยู่เพียงแค่...

รัก...
และเส้นทางแห่งรัก...

แค่นี้จริงๆครับ....!!!....รัก...ก็คือหลักการทั่วไป.....เส้นทางแห่งรัก..ก็คือมรรควิธีในการสร้างดุลยภาพแห่งรัก...
จากกรอบอ้างอิงความรักแห่งตัวตน.....ไปสู่การยกระดับสูงขึ้นของตัวตน...และไปสู่ภายนอก..

หัวใจของวิชาการทั้งหมดมีอยู่แค่นี้จริงๆครับ...!!!

แต่แปลก...จริงๆ...สถานศึกษาไม่มีตำราเรียนมิตรภาพความรักในชั้นเรียน....

ไม่เรียน...แสงสีเสียงความร้อนของหัวใจ...ที่เป็นหัวใจแห่งสรรพตำรา....

( หมายเหตุ: แล้วนี่จะสรุปสุนทรียภาพแห่งความรักบนโลกเสมือนจบไหมนี่...กับการสรุปในสิ่งที่ไม่มีบทสรุป...เพราะความรักมันยาวไม่รู้จบ....)

ไม่มีความคิดเห็น: