วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2550

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า (TOE Theory Of Everything) 4




สุนทรียภาพแห่งความงามและความรัก


ฟิสิกส์แห่งความรัก.....อาจจำแนกในการวิเคราะห์แบบแยกส่วน....เป็นในเรื่องความ
ร้อน แสง สี เสียง แห่งอารมณ์ที่ก่อให้เกิดขึ้นเพื่อหาค่าประมาณการ....

การศึกษาทางวิทยาศาสตร์และด้านศิลปะใดๆต่างล้วนต้องอาศัยจินตนาการ....ในสิ่งที่
เป็นนามธรรมเพื่อหาค่าประมาณการเป็นรูปธรรม....สิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์ก็
จะเน้นการศึกษาทางกายภาพเป็นหลัก...ส่วนศิลปะก็จะเน้นด้านจิตใจหรืออารมณ์เป็น
หลัก.....หากมองในแบบองค์รวมก็จะเป็นบูรณาการของทั้งสองแบบ....


เสียงของหัวใจและฟิสิกส์แห่งน้ำตา:


การศึกษาทางวิทยาศาสตร์กายภาพเราอาจให้คำอธิบายเกี่ยวกับเสียงว่าเป็นคลื่น....
ตามระดับความถี่เช่น เสียงที่คนเรารับฟังได้อยู่ระหว่างคลื่นเสียงที่มีความถี่ไม่
ต่ำกว่า 20 เฮิร์ทซ์ถึง 2หมื่น เฮิร์ทซ์....
ถ้าต่ำกว่าเราก็เรียกว่า...คลื่นใต้เสียงหรืออินฟราโซนิก..เช่นคลื่นแผ่นดิน
ไหว...และที่สูงกว่าเราเรียกว่าคลื่นเหนือเสียงหรืออุลตราโซนิก.....

เสียงของหัวใจในทางกายภาพ....ที่เกิดจากการไหลอย่างปั่นป่วนของเลือดจะมีค่าความ
ถี่อยู่ระหว่าง 20 – 200 เฮิร์ทซ์...เป็นเสียงที่หมอ....สามารถใช้หูฟังได้...

แต่เสียงที่...ต่อให้ใช้หูฟังอย่างดีที่สุด....หมอทั้งหลายก็ฟังไม่ได้ยิน...
หลายครั้งแม้แต่เสียงของหัวใจของตนเองยังจำแนกไม่ถูก....นั่นคือเสียงของหัวใจใน
ทางโลกของจิตใจและจิตวิญญาณ....โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์รวมหนึ่งของอารมณ์....
ที่แสดงออกเป็นอารมณ์แห่งความรัก...ที่โลดแล่นอยู่บนสองสนามแรงคือ...สนามแรงที่
เป็นจริงขององค์รวมทางกายภาพและจิตใจของคนๆนั้นบนโลกทางวัตถุ....และอีกสนามแรง
คือ....สนามแรงเสมือน.....

บนโลกไซเบอร์สเปก....ก็คือการดำรงอยู่รูปแบบหนึ่งที่แสดงออกเป็นรูปธรรม...ของ
ความหลากหลายทางอารมณ์ของผู้คน.....และเป็นการแสดงออกของตัวตนทางอารมณ์..เท่า
ที่จะสัมผัสรูปธรรมได้ในปัจจุบัน..แห่งโลกเสมือน....

ฟิสิกส์เสียงแห่งหัวใจบนโลกเสมือน....หรือฟิสิกส์เสียงแห่งความรัก....มีองค์รวม
ที่ซับซ้อนในหลายหน่วยเวลา....ค่าความถี่ที่หลากหลายในคลื่นความถี่....ค่าความ
เข้มข้นี่แตกต่างกันไป...ฯลฯ...

ความรัก...ที่บริสุทธิ์...ย่อมแตกต่างจากความต้องการทางกายภาพ....

อารมณ์แห่งความรักที่บริสุทธิ์...เป็นสิ่งขาดหายไปของคนเรา....ในความต่อเนื่อง
ของเหตุการณ์...จึงเป็นสิ่งที่เกิดการรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ของคนเรา...บนโลก
เสมือน...

และเสียงแห่งหัวใจ....ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งแห่งอารมณ์เหล่านั้น.....ของ
ความสัมพันธ์ระยะไกลที่มีความเร็วสูง.....

.................................


ผม.....นั่งอ่านบันทึก...ของ reddragon ที่หาข้อสรุปบางประเด็นเกี่ยวกับ มิติ
ที่8 เรื่องการทับซ้อนของระบบเวลาซึ่งคงจะนำมาบันทึกในบันทึกของเขาที่บ้านแห่ง
นี้.....เป็นการอธิบายในส่วนของโลกทางด้านจิตใจ...ในการวิเคราะห์จากข้อมูลภาค
สนามของ..ซุนปิน...ที่ยังไปหลงทางอยู่ในไซเบอร์แลนด์....

ยังดีนะนี่ที่ reddragonไม่ออกไปหาข้อมูลภาคสนามด้วยคน....ไม่งั้นข้อสรุปเบื้อง
ต้นสำหรับแบบวิธีคิดในกรอบ9มิติสรุปไม่จบแน่.....

ข้อสรุปทั่วไปที่ว่า....
คลื่นความถี่เสียงของหัวใจ....เริ่มต้นที่ความเร็วแสง....ดังนั้นค่าพลังงานจึง
สูงมากกว่าระบบความเร็วต่ำกว่าแสง......และมวลมีค่าอนันต์เมื่อเทียบกับระบบความ
เร็วต่ำกว่าแสง....

ความถี่ของคลื่นเสียงความรักที่แตกต่างกัน....ในสนามแรงเสมือน....แต่ส่งผลให้
เกิดการหลั่งน้ำตาได้ในทางฟิสิกส์กายภาพเช่นเดียวกัน....และในทางตรงข้าม...
เสียงจากทางกายภาพก่อให้เกิดกระบวนการรวมตัวในทางอารมณ์บนโลกของจิตใจ....รูปการ
เบื้องต้นเช่น...ความคิดถึง...หรือความประทับใจอื่นๆ.....

ความเข้มข้นอารมณ์ความถี่เสียงของหัวใจ....ในระดับสูงสุดคือ...ก่อเกิดการหลั่ง
น้ำตาในหัวใจ...หาใช่อาการหูอื้อในใจไม่...แต่มีผลให้ระบบทางกายภาพต้องหลั่งสาร
ตามไปด้วยตามใจที่สั่งมา.....หากหัวใจเมาเมา....ก็ยิ่งมีอาการหนักขึ้น....

ค่าความถี่ของเสียงที่ได้ยินจำแนกได้กว้างๆดังนี้....
ค่าความถี่ของเสียงแห่งความรักระหว่างเพื่อน ความรักระหว่างพ่อแม่ ความรัก
ระหว่างชายและหญิง.....

เสียงของหัวใจ....เป็นกลศาสตร์ทางอารมณ์หนึ่งที่นักสร้างสรรค์นำไปประยุกต์ใช้ใน
ด้านต่างๆ...

เช่น..งานสร้างสรรค์โฆษณา...โดยการประยุกต์จากกระบวนการความเร็วคือการสื่อด้วย
ความเร็วสูงของความรัก...ผู้รับสื่อสัมผัสได้ก่อนทางกายภาพเป็นต้น....หรือการ
ประยุกต์จากความเข้มข้นความถี่ของหัวใจจากองค์รวมต่างๆทางกายภาพ......ตัวอย่าง
เสียงของหัวใจอันเกิดกระบวนการรวมตัวขึ้นใหม่ทางอารมณ์จากเสียงทางกายภาพ

เสียงของหัวใจ....จากน้อง ตอง ภัครมัย....และในเวอร์ชั่นของ the star .....ก่อ
เกิดกระบวนการฟิวชั่นทางอารมณ์....ดังกระหึ่มในใจของอารมณ์รักระหว่างชายและ
หญิง......
กว่าจะรัก....จาก xyz ....และเวอร์ชั่นใหม่ในความคิดคำนึงถึงเพื่อน...กว่าจะรัก
เท่าวันนี้..กว่าจะมีคนเข้าใจต้องใช้เวลา....ใช่เพียงมองตากันเมื่อไร...จริง
ม่ะ..!! ต่อให้เป็นปลากัดก็ตามเถอะ...

กาสะลอง....จากน้องลานนา คัมมินท์....พาหัวใจล่องลอยไปดินแดนแสนไกล...ได้ยิน
เสียงร่ำร้องของเด็กสาวน้อยที่อ้างว้างในแดนไกล....ส่งสายใยแห่งความคิดถึง
แม่....ในคืนหนาวดาวเปลี่ยว..

เพื่อหาคำอธิบายองค์ประกอบฟิสิกส์แห่งสุนทรียภาพ....ที่ซุนปินต้องไปหลงทางในการ
ไปหาข้อมูลในไซเบอร์แลนด์.....นี่แหละหนาเด็กบ้านนอกแบบไอน้ำ......หลงทางอยู่
เรื่อย....


แล้ว...ถ้าเกิด reddragon ที่เข้าไปเก็บข้อมูลเองและไปตามหาซุนปิน...แล้วเกิด
ติดอยู่ในนั้นอีก.....จะทำยังไงดีล่ะ....ผมเองคิดในใจ...
คงมีแต่วิชาฟิสิกส์แห่งความรักภาคสนามแรงเสมือน....ละมั้งที่เขียนทฤษฎีด้วย
น้ำตา....ผมเองก็ได้แต่งุนงง...

หรือว่ามันถึงคราวที่...จระเข้อย่าง...หลี่หงหลง..จะต้องหลั่งน้ำตา..

น้ำตาจระเข้...!!!....ที่ต้องหลั่งจากเสียงของหัวใจ...
เสียงจาก กาสะลองดอกเล็กๆ ที่หล่นบนหัวใจ....!!!!

หล่นร่วงจากดินแดนไกลโพ้น...ยังส่งแรงกระเทือนอื้ออึงในหัวใจ...

คุณ freethinker และ คุณ 3 ขวด100 ครับ....ถ้าคุณอ่านบันทึกไดอารี่ฉบับนี้...คง
ได้ตำตอบว่านี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมซุนปิน...จึงตอบได้เพียงสั้นๆ...ในคำถามว่า
สุนทรียฟิสิกส์คืออะไร....ในบอร์ดวิทยาศาสตร์....
มันตอบยากก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ....
เพราะในห้องปฏิบัติการสุนทรียฟิสิกส์...แค่ร่องรอยอานุภาพแห่งความงามและความรัก
ในห้องบับเบิลแชมเบอร์ของอารมณ์
เศษเสี้ยวปฏิกิริยาลูกโซ่ยังรุนแรงถึงเพียงนี้....

แล้วนี่ยังไม่นับ...หลี่หงหลง..ที่จะต้องตาพร่ามัวในการบันทึก....แค่เสี้ยว
หนึ่งของกลศาสตร์เสียงของหัวใจ.....

เมื่อฟิสิกส์แห่งสุนทรียภาพความรัก....
มันก็คือฟิสิกส์ของการหลั่งน้ำตา....บนหัวใจและกายภาพ....ในความสัมพันธ์ระยะไกล
ด้วยความเร็วสูง

“ ห่างกันแสนไกล หัวใจอยู่ใกล้กัน ”
love & miss you....กาสะลองดอกน้อยในแดนไกลทุกดอก...บนสนามแรงเสมือน...

ภาพจาก: http://www.zangygraphics.com/showinlove.php
เสียงเพลงจาก:http://mms.hunsa.com/mms.php?py=album&id=1045

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า21

ศักยภาพแห่งทุน


หากจะกล่าวถึงทิศทางหลักแห่งการที่มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคมแล้ว....ทิศทาง
หลักๆก็คือทิศทางแห่งความรัก....อันเป็นการก่อรูปการพันธะที่เชื่อมโยงมนุษย์กับ
มนุษย์ในสังคม

หากปราศจากความรักที่มนุษย์มีต่อสิ่งอื่นนอกเหนือจากตนเองแล้ว....

การก่อรูปการทางสังคมคงไม่เกิดขึ้น....

จากความรัก...ระหว่างเพศ...สู่ครอบครัว....ชุมชน...สังคม..
ทิศทางแห่งความรักจึงเป็นการก่อรูปการแห่งพันธะที่เชื่อมเป็นโมเลกุลมนุษย์...

ความเข้มแข็ง...แข็งแกร่งขึ้นกับความเหนียวแน่นแห่งพันธะเหล่านี้อันก่อเกิด
รูปการการเรียงตัวหรือบนพื้นฐานแห่งการเกาะเกี่ยวกันด้วยความรัก...ความ
สมานฉันท์...ความเสมอภาค...

ที่โมเลกุลในระดับต่างๆ...เกี่ยวร้อยเป็นองค์เอกภาพเดียวกัน...

เมื่อมนุษย์ถือกำเนิดมา....สิ่งที่ดำรงอยู่ ณ.เวลาปัจจุบันในการวิเคราะห์...ก็
คือ..

ศักยภาพทางกายภาพ....และศักยภาพทางปัญญา-จิตวิญญาณ

ระบบแห่งการประเมินคุณค่าศักยภาพเหล่านี้....เป็นผลมาจากร่องรอยอดีต...
ปัจจุบัน..และร่องรอยแห่งอนาคต อันประกอบเป็นรูปการจิตสำนึกต่างๆในทางสังคม...

ระบบการจัดการในทางสังคมใดๆ....เช่นระบบการเมือง...ระบบเศรษฐกิจ...ระบบทาง
สังคม...วัฒนธรรม...เป็นต้น ต่างล้วนพัฒนามาจาก....การก่อรูปการของกลไกกลางแห่ง
การแลกเปลี่ยนศักยภาพของทุน....

หากเราใช้แบบจำลองในการวิเคราะห์ในแบบเศรษฐศาสตร์การเมือง....เพื่อทำการ
วิเคราะห์แบบแยกส่วน.....อันมีข้อสรุปพื้นฐานว่า...

โครงสร้างชั้นบนและรูปการจิตสำนึกทางสังคมต่างๆ....ก่อเกิดจากรากฐานทางเศรษฐกิจ
อันเป็นรากฐานแห่งการก่อเกิดขึ้นของโครงสร้างชั้นบน...

และเมื่อแยกย่อยลงไป...ถึงกระบวนการพื้นฐานทางเศรษฐกิจ....เราก็จะพบว่า...หน่วย
ย่อยพื้นฐานก็คือคน...

คน...ซึ่งก่อกำเนิดมาด้วยพื้นฐานที่แตกต่างกันและไม่มีใครเหมือนกันเลยทั้งโลกใบ
นี้....

หากมององค์รวมกว้างๆในระดับโมเลกุลหรือสังคมมนุษย์.....ก็จะเห็นลักษณะร่วมที่
เหมือนกัน...
แต่เมื่อแยกย่อย...สู่ระดับอนุภาคหรือระดับมนุษย์แต่ละคน...

แต่ละคน....มีการดำรงอยู่แห่งศักยภาพทางกายภาพ...และศักยภาพทางปัญญา...ไม่เท่า
กัน..
เมื่อวิเคราะห์ในการก่อรูปการทางเศรษฐกิจ...อันมีการแลกเปลี่ยนของคนในสังคมภาย
ใต้อันตรกิริยาต่างๆ...

ศักยภาพที่ก่อเกิดทุน...ของแต่ละคนที่แตกต่างกันตามรูปการจิตสำนึกแห่งระบบคุณ
ค่าทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป....

ศักยภาพทุนทางกายภาพ...และศักยภาพทุนทางปัญญา-จิตวิญญาณ...ที่ประกอบเป็นองค์รวม
ทางกายภาพแห่งทุน...ของแต่ละคน...แต่ละชุมชน...แต่ละสังคม...

ความแตกต่างเหล่านี้....ล้วนเกิดขึ้นจาก...ดุลยภาพที่มีการเคลื่อนที่ของกลไก
กลางการแลกเปลี่ยนศักยภาพของทุน...

รูปการแห่งกระบวนการใช้อำนาจในการจัดการในการควบคุมกลไกกลางการแลกเปลี่ยนเหล่า
นี้....ก็คือรูปการแห่งระบบการปกครองของสังคมนั้นๆ....

ระบบแห่งการควบคุมกลไกกลางการแลกเปลี่ยนที่ดำเนินไป...ในทิศทางหลัก 2 ทิศทาง..


ทิศทางแห่งความรัก....ของมนุษย์ต่อสรรพสิ่ง...
และทิศทางแห่งการสั่งสมเพื่อตัวตน....

การขาดดุลยภาพอันเกิดจากการเบี่ยงเบนทิศทางการพัฒนาไปของกลไกกลางการแลกเปลี่ยน
ศักยภาพแห่งทุน...

เป็นไปทั้งในรูปแบบที่เจตนา....และรูปแบบที่ไม่เจตนา....
ก่อเกิดการสูญเสียประสิทธิภาพสูงสุดแห่งการพัฒนาศักยภาพทุนขององค์รวม...

ก่อเกิด...การแตกแยก..ความไม่เสมอภาคให้กับคนในสังคม...

รวมไปถึง...ความเสมอภาคแบบกลไกและเสรีภาพแบบกลไก....อันเป็นเพียงรูปแบบที่เอื้อ
ประโยชน์เพียงบางกลุ่มที่ควบคุมกลไกกลางเหล่านี้....และทิศทางแห่งความเสมอภาค
แบบกลไก...จุดหมายปลายทางก็คือการแตกแยก...และแรงต้านทานต่างๆจากคนในสังคมที่มี
ต่อเนื่องไปตลอด....

ทิศทางที่ถูกต้องของกลไกกลางการแลกเปลี่ยนศักยภาพทุน...

ก็คือ...ทิศทางแห่งความรัก...ทิศทางแห่งสันติภาพ...

อันเป็นทิศทางแห่งการนำใช้ศักยภาพทุนที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อมวล
มนุษยชาติ...และต่อสรรพสิ่งที่แวดล้อมภายนอก...


ที่ประกอบขึ้นเป็นองค์รวมแห่งโลกใบนี้....




การวิเคราะห์แบบแยกส่วนย่อยลงไปถึงหน่วยพื้นฐานทางสังคม....ซึ่งก็คือคน...และคน
ซึ่งประกอบไปด้วย ศักยภาพทางกายภาพ และศักยภาพทางปัญญา-จิตวิญญาณ ที่ประกอบขึ้น
เป็นองค์รวมของคน

ในการวิเคราะห์ที่แยกส่วนเป็นสาขาวิชาต่างๆ....ในทางเศรษฐศาสตร์ คือการ
วิเคราะห์เรื่องของ ทุน..อันเป็นหน่วยย่อยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ....ในสาขารัฐ
ศาสตร์ จะวิเคราะห์ถึง โครงสร้างการใช้อำนาจเป็นหลัก...และรวมถึงความสัมพันธ์
แห่งอำนาจต่างๆในทางสังคม...

ปัจจุบัน...จากตัวอย่างการพัฒนาทางสังคมมนุษย์นับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันจะเห็น
ได้ว่า....การพัฒนาทางสังคมล้วนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางรากฐานทางเศรษฐกิจ....
การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีทางการผลิต....เทคโนโลยีการสื่อสาร...เป็นต้น..อันก่อ
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างชั้นบน...

ในอดีต...แนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎีการพัฒนาสังคมทั้งเศรษฐกิจและการเมือง...อาจจะ
จำแนกเป็น2ค่ายใหญ่...คือ เสรีนิยม และสังคมนิยม

ในกรอบแนวคิดของค่ายสังคมนิยม ในแนวคิดทางเศรษฐกิจ จะยึดหลักทฤษฎี ของมาร์กซ เป็นหลัก....อันมีข้อจำกัดในแบบการวิเคราะห์ที่เป็นไปแบบทวิลักษณะแบบกลไก

ทุน...และมูลค่า ...ในทัศนะของค่ายนี้...จะมองว่า ก่อขึ้นเมื่อมนุษย์ใช้แรง
งาน...และมีทัศนะที่เชื่อว่ามีแต่ชนชั้นแรงงานเท่านั้นจึงจะมีความคิดที่เป็น
วิทยาศาสตร์....อีกทั้งยังพยากรณ์ว่าระบอบทุนนิยมเป็นระบอบที่ล้าหลัง....จะต้อง
พินาศในที่สุด...

กรอบคิด...ก็มาจากแนวคิดแบบวิวัฒนาการที่เชื่อว่า...การพัฒนาของสังคม...ปรับ
เปลี่ยนจากระบอบที่เรียกว่าทุนนิยม...ไปสู่สังคมนิยม...และจุดมุ่งหมายสุดท้าย
คือการสูญสลายรัฐ...

ในขณะที่กรอบแนวคิดของค่ายเสรีนิยม....ก็เสนอแนวคิดอันเป็นเสรีนิยมแบบกลไก...
หรือเป็นเพียงรูปแบบเป็นเพียงรูปธรรมในทางลายลักษณ์อักษร แต่ในทางการปฏิบัติผู้
ที่ได้เปรียบทางศักยภาพและการควบคุมกลไกกลางการแลกเปลี่ยนทางศักยภาพทุน....ล้วน
เป็นผู้ที่มีเสรี......

ปัจจุบัน....เราจะเห็นว่า เพียงแค่ทารกแรกเกิด....เป็นเพศไหน...ก็จะมีศักยภาพ
ทุนทางกายภาพแตกต่างกันไปตามคุณค่าที่เกิดขึ้นในทางสังคมนั้นๆ....เช่นในเมือง
จีน...เพศชายมีคุณค่าทางศักยภาพทางกายภาพ อันเกิดจากอันตรกิริยาระหว่างทารก กับ
คุณค่าทางสังคมนั้นๆ ....

แค่แรงงาน...ที่เด็กร้องหลังคลอดตามสัญชาติญาณเพื่อความอยู่รอด....ให้ปอดทำงาน
หลังออกมาสู่โลกที่มีอากาศ....จากที่อยู่ในน้ำคร่ำ...
แรงงานเป็นตัวกำหนดมูลค่า...จริงหรือ...?!! หากจะวิเคราะห์แบบแยกย่อยไปถึงหน่วย
มูลฐาน...


ปัจจุบัน...สังคมมนุษย์ พัฒนาก้าวไกลไปสู่อีกระดับของความสัมพันธ์...อันมีความ
สัมพันธ์ในหลายระบบความสัมพันธ์ทางสังคม...เมื่อวิเคราะห์แบบเศรษฐศาสตร์การ
เมือง...เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของรัฐ จะเห็นได้ว่ามีความสัมพันธ์ดังนี้

-ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐชาติ
-ความสัมพันธ์ขององค์กรไร้รัฐ(องค์กรเสมือนแห่งรัฐ) -ความสัมพันธ์เครือข่ายแห่งรัฐชาติ
-ความสัมพันธ์ของเครือข่ายองค์กรเสมือนแห่งรัฐ


ปัจจุบัน องค์กรเสมือนแห่งรัฐ...หรือองค์กรไร้รัฐ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทาง
การพัฒนาของรัฐชาติต่างๆในโลก...เช่น บรรษัทข้ามชาติ...องค์กรเอกชนต่างๆ...
กลุ่มทุนในระดับต่างๆภายในรัฐชาติ เป็นต้น

แนวทาง...นโยบาย...ทิศทางการพัฒนาของรัฐชาติต่างๆล้วนอยู่บนพื้นฐาน การสนองตอบ
ต่อการพัฒนา การขยายตัว ขององค์กรเหล่านี้....

รัฐชาติ...ในฐานะบทบาทที่เป็นกลไกกลางการแลกเปลี่ยนศักยภาพทุนของประชาชนและ
ประชาชาติให้ก่อเกิดดุลยภาพ....จึงเป็นเพียงอุดมการณ์...อุดมคติ....

กรอบแนวคิด...ทฤษฎี...ทิศทาง...แนวทาง...แนวนโยบายแห่งรัฐชาติใดๆ...ล้วนอยู่บน
พื้นฐานหลักการพัฒนาทุนบนพื้นฐานกรอบแห่งลัทธิบริโภคนิยม...

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์...เพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างแรงงานสำรองให้กับองค์กร
เหล่านี้...และแต่ละรัฐชาติ...ต่างล้วนแก้ไขกฎระเบียบทางสังคมเพื่อดึงดูดเงิน
ทุนจากองค์กรเหล่านี้ให้มาลงทุนในประเทศ...ซึ่งแต่ละรัฐชาติต่างล้วนแข่งขัน
กัน...

อุดมคติ....ที่เคยมีต้องเก็บเอาไว้ในลิ้นชัก.....

เศรษฐศาสตร์แห่งความสุข...การเมืองเพื่อความสุข..มีหรือไม่..??

คำตอบก็คือ...มี....แต่ไม่ทำ..!!! เลือกได้...แต่ไม่เลือก..!!


เมื่อ..องค์กรเสมือนของรัฐ...ต่างล้วนอิงแอบแนบชิดกับผู้กุมอำนาจแห่งรัฐชาติ
ต่างๆ...และเป็นเสมือนจิตวิญญาณ ของผู้กุมกลไกอำนาจรัฐเหล่านี้....

เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ แห่งประชาชาติ ก็เป็นเพียง ลมปากจากนักสิทธิมนุษยชน
จอมปลอมเหล่านี้....


การก่อรูปการทางสังคม หรือการก่อรูปการทางวัตถุของกระบวนการของความสัมพันธ์
ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และระหว่างมนุษย์กับสรรพสิ่งภายนอก...

วัตถุ...ในความหมายในที่นี้หมายถึง....รูปการที่เกิดขึ้นของสิ่งต่างๆกระบวนการ
ต่างๆความสัมพันธ์ต่างๆ...อันสามารถตรวจวัดได้ถึงความแตกต่างจากสิ่งอื่น...

รูปการทางวัตถุที่เกิดขึ้นใดๆ...ล้วนมีหลักการพื้นฐานแห่งการก่อรูปการในทาง
ฟิสิกส์....อันได้แก่

พลังงาน...ที่ดำรงอยู่ในระบบนั้นๆที่เป็นผลจากอันตรกิริยากับสิ่งต่างๆ

ศักยภาพทางกายภาพ และศักยภาพทางปัญญา-จิตวิญญาณ ในมนุษย์ และในทางสังคมแต่ละ
สังคม...ก็คือการดำรงอยู่แห่งพลังงานในการก่อรูปการทางวัตถุนั้นๆ...

เช่นในรูปแบบการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์...ก็ได้แก่ระบบทุน....ศักยภาพแห่งทุน
ที่ดำรงรงอยู่ของมนุษย์ และของสังคม....ในทางรัฐศาสตร์ ได้แก่ระบบการเมืองการ
ปกครองต่างๆ....ในรูปการจิตสำนึกต่างๆก็ได้แก่...วัฒนธรรม ความเชื่อ ที่ดำรง
อยู่ภายใต้การสั่งสมมายาวนานในทางประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาของมนุษยชาติ...

นอกจากจะตรวจวัดในความแตกต่างของระบบพลังงานที่ดำรงอยู่รวมทั้งความสัมพันธ์ที่
เกิดขึ้นจากกลไกกลางแห่งการแลกเปลี่ยนศักยภาพ....

การเปลี่ยนแปลงของระบบสังคม....ยังมีการเปลี่ยนแปลงอันเป็นไปตามหลักการพื้นฐาน
ทางฟิสิกส์อีกประการหนึ่งกล่าวคือ...เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนไปของ
ระดับพลังงานทางสังคมที่ดำรงอยู่ในสังคมนั้น

การเปลี่ยนแปลงในทางสังคม ที่มีวิวัฒนาการระบบการผลิตในทางสังคมและการพัฒนา
รูปการจิตสำนึก จากสังคมบรรพกาล สังคมทาส สังคมศักดินา สังคมทุนนิยม(สังคมที่มี
ความเข้มข้นแห่งการผูกขาดการควบคุมกลไกกลางการแลกเปลี่ยนศักยภาพทุน) และสู่ยุค
ปัจจุบัน สังคมบริโภคนิยม(สังคมการบริโภคแบบเสมือน)ล้วนแล้วเป็นการเปลี่ยนไป
แห่งระดับของศักย์ ทางกายภาพ และระดับศักย์ทางปัญญา-จิตวิญญาณ ที่สังคมนั้นๆ
เกิดการเปลี่ยนแปลงไป

การประเมินศักยภาพทางกายภาพและศักยภาพทางปัญญา-จิตวิญญาณที่ดำรงอยู่ในสังคม อัน
ประกอบเป็นองค์รวมทางสังคมหนึ่งสังคมใด....ล้วนเป็นไปอย่างมีการเปรียบเทียบ...
หรือสัมพัทธ์

คุณค่า ที่ตรวจวัด ย่อมตรวจวัดได้จากขอบเขตุความสัมพันธ์ที่กว้างขวางขึ้น หรือ
มีขอบเขตุแห่งการขยายออกไปจากตัวตนกว้างขวางขึ้น....

ระบบคุณค่าทางสังคมใด...ที่มีกรอบกระบวนทัศน์อันขยายกว้างขวางขึ้นไปสู่การรับ
รู้แห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสรรพสิ่งที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน...ย่อม
เป็นระบบที่มีทิศทางแห่งการยกระดับการพัฒนาที่สูงขึ้น...เมื่อเปรียบเทียบกับจุด
เริ่มต้นแห่งการก่อรูปการทางสังคมมนุษย์และมีวิวัฒนาการมาตามลำดับ......

ระบบที่ก่อให้มนุษย์ในสังคมนั้นๆ....ดำรงชีวิตได้ด้วยความมีเสรี....แห่งดุลยภาพ
ทางกายภาพและทางปัญญา....บนพื้นฐานแห่งความสุขที่ได้รับในกระบวนการทางสังคม
นั้นๆพร้อมๆไปกับสังคมภายนอก.....

ระบบสังคมที่ว่านี้....ย่อมเป็นสังคมที่มีขนาดและปริมาณของพลังงานที่สูงกว่า
สังคมที่พัฒนาไปไม่ถึงขั้นนี้....

สังคมบางสังคม...แม้ว่าทางกายภาพจะพัฒนาสูงด้วยเทคโนโลยีทันสมัย...แต่มนุษย์ใน
สังคมก็ยังขาดเสรี....หมายถึงเสรีที่จะดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข...

เมื่อกล่าวโดยองค์รวมแห่งสังคมแล้ว....สิ่งที่จะชี้วัดระดับขนาดปริมาณและคุณภาพ
ของพลังงานแห่งระบบสังคมนั้นย่อมต้องประกอบไปด้วย องค์รวมศักยภาพที่ดำรงอยู่ทาง
กายภาพและทางจิตวิญญาณแห่งสังคมนั้นๆ

เราไม่อาจกล่าวได้ว่า....สังคมโจร..ที่อาศัยการปล้นฆ่า และผลิตเทคโนโลยีแห่งการ
เข่นฆ่ามนุษย์ด้วยความทันสมัย....เป็นสังคมที่มีระบบพลังงานสูง.....เมื่อเรามอง
แบบองค์รวมถึงระดับการพัฒนาทางด้านจิตใจ....หรือจิตสำนึกในสังคม...

การก่อรูปการทางสังคมแบบโจร...ก็เกิดจากทิศทางที่บิดเบี้ยวแห่งการก่อรูปการทาง
สังคมนั้น...

นอกจากนี้...หลักการทั่วไปในทางฟิสิกส์แห่งการก่อรูปการทางวัตถุใดๆ...ยังมี
ประเด็นที่ต้องวิเคราะห์คือ...

รูปการทางวัตถุแห่งระบบปัจจุบันใดๆ....เป็นการก่อรูปการขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น...ณ.
เวลาอ้างอิงปัจจุบัน....

การเกิดรูปการใหม่ในปัจจุบัน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรูปการของอดีต...

หากแต่ว่าบทบาทของอดีต....มีส่วนสำคัญต่อทิศทางแห่งการพัฒนาไป ณ.เวลา
ปัจจุบัน...

ดังนั้น....รูปการแห่งการพัฒนาไปในปัจจุบันของสังคม...จึงประกอบไปด้วย

ทิศทางของร่องรอยแห่งอดีต....ทิศทางแห่งการกระทำการปฏิบัติทางสังคมแห่ง
ปัจจุบัน...และรวมไปถึง ทิศทางแห่งความไฝ่ฝันหรือร่องรอยแห่งอนาคต....

ประกอบกันขึ้น...เป็นองค์รวมแห่งกระบวนทัศน์ของคนส่วนใหญ่ในทางสังคมปัจจุบัน...

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า20

....................................


ฟิสิกส์โลกทางสังคมมนุษย์


ในการศึกษาในทางสังคมศาสตร์...มีการจำแนกการศึกษาออกเป็นหลากหลายสาขาวิชาการมาก
มายในการศึกษาปรากฎการณ์ในรูปแบบที่มนุษย์อยู่ร่วมกันก่อรูปการเป็นสังคมขึ้น
มา....

ตัวแบบทางทฤษฎีในการศึกษาก็มีมากมายเช่นการวิเคราะห์ในลักษณะโครงสร้าง การ
วิเคราะห์กระบวนการที่ก่อเกิดพลวัตรหรือความขัดแย้งต่างๆ การวิเคราะห์แบบ
สัญญลักษณ์ต่างๆ การวิเคราะห์หาลักษณะปรากฎการณ์จากหน่วยพื้นฐานต่างๆ...การ
วิเคราะห์ในแบบกระบวนการวิวัฒนาการเป็นต้น...นับตั้งแต่เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ จิตวิทยาสังคม ฯลฯ อันเป็นการศึกษาเจาะ
ลึกลงไปถึงพฤติกรรมและปรากฏการณ์ของมนุษย์ในสังคม

สัมพันธภาพของความสัมพันธ์ต่างๆที่ก่อรูปการขึ้นภายใต้การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ นับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน สังคมประเทศ และสังคมโลก....ก่อเกิดวัฒนธรรม
อันหลากหลายที่เกิดจากกระบวนการก่อรูปการขึ้นมาของมนุษย์ในแต่ละท้องถิ่น...ใน
แต่ละสังคม....

สังคมมนุษย์ก็มีทิศทางแห่งการพัฒนาอันเป็นไปตามกฎเกณท์ทางฟิสิกส์....เช่นเดียว
กันกับองค์รวมระดับโมเลกุล...ในสิ่งต่างๆอันมีคุณภาพองค์รวมแตกต่างจากองค์รวม
ย่อยของอนุภาค....

องค์รวมมนุษย์ หนึ่งคน..ย่อมแตกต่างจากลักษณะองค์รวมของมนุษย์หลายคนที่ประกอบ
เป็นสังคม...รวมทั้งกฎเกณท์การพัฒนาที่มีขอบเขตุของขนาดและคุณภาพที่แตกต่างออก
ไป....

การวิเคราะห์อย่างกว้างๆ....จะเห็นได้ว่าการก่อรูปการทางวัตถุใดๆในทางสังคมก็
เป็นไปตามทิศทางแห่งการก่อรูปการนั้นๆ.....ทิศทางแห่งการพัฒนาไป และทิศทางแห่ง
การเสื่อมสลาย....หรือทิศทางแห่งการเพิ่มขึ้นของขอบเขต..ขนาด..ความเร็ว..และ
พลังงานต่างๆในการก่อรูปการทางสังคม....และทิศทางของการลดขอบเขต...ขนาด...ความ
เร็ว...และพลังงานต่างๆในการก่อรูปการทางสังคม..

สังคม...ณ.เวลาปัจจุบันใดๆ....ล้วนเป็นการก่อรูปการขึ้นใหม่...ภายใต้การแสวงหา
ดุลยภาพที่มีการเคลื่อนที่....โดยมีร่องรอยแห่งรูปการของอดีต(ประวัติศาสตร์,
มรดกวัฒนธรรม,ประเพณี.ความเชื่อฯลฯ)...รูปการปัจจุบันแห่งสังคม(ปฏิบัติการต่างๆ
ในปัจจุบัน)...และร่องรอยแห่งอนาคต(อุดมคติ,อุดมการณ์,จุดมุ่งหมาย,ทฤษฎี,วิทยา
การและนวัตกรรม ฯลฯ )....ก่อรูปการใหม่เป็นทิศทางแห่งสังคมปัจจุบันที่กำลังก้าว
ไป....

ร่องรอยแห่งอดีต...มีบทบาทสูงมากในการก่อรูปการทางสังคม...และมีบทบาทต่อการ
กำหนดทิศทางแห่งอนาคตของสังคมนั้นๆ....

สงครามก็คือตัวอย่างที่เด่นชัดแห่งการรุกรานทางวัฒนธรรมในทางสังคม....สงครามใดๆ
ล้วนเกิดจากการขาดดุลยภาพในทางวัฒนธรรมของสังคมอันเนื่องจากอัตตาแห่งกลุ่มคนใน
สังคม....

วัฒนธรรมก็คือรากฐานแบบวิธีประพฤติปฏิบัติใดๆ...ของคนในสังคม...

อันก่อเกิดจาก...ร่องรอยแห่งอดีต...และร่องรอยแห่งอนาคต...และก่อรูปการขึ้นใหม่
ตามหลักการทางฟิสิกส์.....ที่เป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์ภายใต้กระบวนแห่งการ
พัฒนา....


แบบวิธีวิเคราะห์ทางสังคมเป็นการทำความเข้าใจในสัมพันธภาพของกระบวนการต่างๆทาง
สังคม...เพื่อทำความเข้าใจในการนำมาประยุกต์ใช้.....

ในการประยุกต์เพื่อวิเคราะห์...คาดหมาย...พยากรณ์แนวโน้มหรือการสร้างแบบจำลอง
แห่งการพัฒนา....การปรับปรุงการสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆการปรับปรุงองค์กรต่างๆทาง
สังคม...ล้วนแล้วมีเรื่องหลักที่จะต้องวิเคราะห์......ก็คือการทำความเข้าใจใน
เรื่อง....ทิศทาง.....กล่าวคือ...ทิศทางใหญ่...ทิศทางเล็ก....และทิศทางย่อยๆลง
ที่กำกับการปฏิบัติในแต่ละระยะ....

จุดมุ่งหมาย...อุดมคติ...อุดมการณ์...แนวทาง...นโยบาย....เข็มมุ่ง...หนทาง...
ยุทธศาสตร์...ยุทธวิธี...กลยุทธ์...มาตรการ....ฯลฯ....

ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นการกำหนดทิศทางแห่งองค์รวมแต่ละองค์รวมจะต้องเดินไปภายใต้
การคาดหมายและการกำหนดแบบวิธีปฏิบัติในทางสังคม...หรือกระบวนแห่งการสร้างร่อง
รอยเพื่อดำเนินไปสู่อนาคต.....

จากเซลล์เดียวของไข่ที่ได้รับการผสมและพัฒนามาเป็นมนุษย์....สัตว์ที่เติบโตมา
จากเซลล์เดียวเผ่าพันธุ์นี้....ที่มีส่วนประกอบของอนุภาคที่ไม่ต่างจากสิ่งอื่นๆ
ภายยังมีลักษณะของการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม...และมีการก่อรูปการทางสังคมขึ้นไม่
ต่างจากโมเลกุลของอนุภาค.....

ลักษณะสำคัญที่ทำให้ก่อเกิดระบบสังคม...ก็คือระบบองค์รวมของสิ่งต่างๆในธรรมชาติ
มีพัฒนาการไปบนพื้นฐานแห่งการปรับดุลยภาพตลอดเวลาเพื่อให้เกิดการดำรงอยู่และ
เกิดการเคลื่อนที่ไป....ภายใต้อันตรกิริยากับภายนอก...ที่มีการแปรเปลี่ยนไปเช่น
กันตลอดเวลา

โมเลกุลทางสังคม...หรือระบบความสัมพันธ์ทางชีวภาพของสังคมมนุษย์...มีระบบแห่ง
การสื่อสาร...ระบบเศรษฐกิจ...การเมือง...และระบบทางสังคมต่างๆ..เป็นส่วนเชื่อม
ความสัมพันธ์เช่นเดียวกันกับพันธะทางฟิสิกส์เคมี.....


ในการศึกษาในทางสังคมศาสตร์...มีการจำแนกการศึกษาออกเป็นหลากหลายสาขาวิชาการมาก
มายในการศึกษาปรากฎการณ์ในรูปแบบที่มนุษย์อยู่ร่วมกันก่อรูปการเป็นสังคมขึ้น
มา....

ตัวแบบทางทฤษฎีในการศึกษาก็มีมากมายเช่นการวิเคราะห์ในลักษณะโครงสร้าง การ
วิเคราะห์กระบวนการที่ก่อเกิดพลวัตรหรือความขัดแย้งต่างๆ การวิเคราะห์แบบ
สัญญลักษณ์ต่างๆ การวิเคราะห์หาลักษณะปรากฎการณ์จากหน่วยพื้นฐานต่างๆ...การ
วิเคราะห์ในแบบกระบวนการวิวัฒนาการเป็นต้น...นับตั้งแต่เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ จิตวิทยาสังคม ฯลฯ อันเป็นการศึกษาเจาะ
ลึกลงไปถึงพฤติกรรมและปรากฏการณ์ของมนุษย์ในสังคม

สัมพันธภาพของความสัมพันธ์ต่างๆที่ก่อรูปการขึ้นภายใต้การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ นับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน สังคมประเทศ และสังคมโลก....ก่อเกิดวัฒนธรรม
อันหลากหลายที่เกิดจากกระบวนการก่อรูปการขึ้นมาของมนุษย์ในแต่ละท้องถิ่น...ใน
แต่ละสังคม....

สังคมมนุษย์ก็มีทิศทางแห่งการพัฒนาอันเป็นไปตามกฎเกณท์ทางฟิสิกส์....เช่นเดียว
กันกับองค์รวมระดับโมเลกุล...ในสิ่งต่างๆอันมีคุณภาพองค์รวมแตกต่างจากองค์รวม
ย่อยของอนุภาค....

องค์รวมมนุษย์ หนึ่งคน..ย่อมแตกต่างจากลักษณะองค์รวมของมนุษย์หลายคนที่ประกอบ
เป็นสังคม...รวมทั้งกฎเกณท์การพัฒนาที่มีขอบเขตุของขนาดและคุณภาพที่แตกต่างออก
ไป....

การวิเคราะห์อย่างกว้างๆ....จะเห็นได้ว่าการก่อรูปการทางวัตถุใดๆในทางสังคมก็
เป็นไปตามทิศทางแห่งการก่อรูปการนั้นๆ.....ทิศทางแห่งการพัฒนาไป และทิศทางแห่ง
การเสื่อมสลาย....หรือทิศทางแห่งการเพิ่มขึ้นของขอบเขต..ขนาด..ความเร็ว..และ
พลังงานต่างๆในการก่อรูปการทางสังคม....และทิศทางของการลดขอบเขต...ขนาด...ความ
เร็ว...และพลังงานต่างๆในการก่อรูปการทางสังคม..

สังคม...ณ.เวลาปัจจุบันใดๆ....ล้วนเป็นการก่อรูปการขึ้นใหม่...ภายใต้การแสวงหา
ดุลยภาพที่มีการเคลื่อนที่....โดยมีร่องรอยแห่งรูปการของอดีต(ประวัติศาสตร์,
มรดกวัฒนธรรม,ประเพณี.ความเชื่อฯลฯ)...รูปการปัจจุบันแห่งสังคม(ปฏิบัติการต่างๆ
ในปัจจุบัน)...และร่องรอยแห่งอนาคต(อุดมคติ,อุดมการณ์,จุดมุ่งหมาย,ทฤษฎี,วิทยา
การและนวัตกรรม ฯลฯ )....ก่อรูปการใหม่เป็นทิศทางแห่งสังคมปัจจุบันที่กำลังก้าว
ไป....


ร่องรอยแห่งอดีต...มีบทบาทสูงมากในการก่อรูปการทางสังคม...และมีบทบาทต่อการ
กำหนดทิศทางแห่งอนาคตของสังคมนั้นๆ....
สงครามก็คือตัวอย่างที่เด่นชัดแห่งการรุกรานทางวัฒนธรรมในทางสังคม....สงครามใดๆ
ล้วนเกิดจากการขาดดุลยภาพในทางวัฒนธรรมของสังคมอันเนื่องจากอัตตาแห่งกลุ่มคนใน
สังคม....


วัฒนธรรมก็คือรากฐานแบบวิธีประพฤติปฏิบัติใดๆ...ของคนในสังคม...
อันก่อเกิดจาก...ร่องรอยแห่งอดีต...และร่องรอยแห่งอนาคต....
และก่อรูปการขึ้นใหม่ตามหลักการทางฟิสิกส์.....ที่เป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์
ภายใต้กระบวนแห่งการพัฒนา....



แบบวิธีวิเคราะห์ทางสังคม


เป็นแบบวิธีการการทำความเข้าใจในสัมพันธภาพของกระบวนการต่างๆทางสังคม...เพื่อทำ
ความเข้าใจในการนำมาประยุกต์ใช้.....

ในการประยุกต์เพื่อวิเคราะห์...คาดหมาย...พยากรณ์แนวโน้มหรือการสร้างแบบจำลอง
แห่งการพัฒนา....การปรับปรุงการสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆการปรับปรุงองค์กรต่างๆทาง
สังคม...ล้วนแล้วมีเรื่องหลักที่จะต้องวิเคราะห์......ก็คือการทำความเข้าใจใน
เรื่อง....ทิศทาง.....กล่าวคือ...ทิศทางใหญ่...ทิศทางเล็ก....และทิศทางย่อยๆลง
ที่กำกับการปฏิบัติในแต่ละระยะ....

จุดมุ่งหมาย...อุดมคติ...อุดมการณ์...แนวทาง...นโยบาย....เข็มมุ่ง...หนทาง...
ยุทธศาสตร์...ยุทธวิธี...กลยุทธ์...มาตรการ....ฯลฯ....ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นการ
กำหนดทิศทางแห่งองค์รวมแต่ละองค์รวมจะต้องเดินไปภายใต้การคาดหมายและการกำหนดแบบ
วิธีปฏิบัติในทางสังคม...หรือกระบวนแห่งการสร้างร่องรอยเพื่อดำเนินไปสู่
อนาคต.....

จากเซลล์เดียวของไข่ที่ได้รับการผสมและพัฒนามาเป็นมนุษย์....สัตว์ที่เติบโตมา
จากเซลล์เดียวเผ่าพันธุ์นี้....ที่มีส่วนประกอบของอนุภาคที่ไม่ต่างจากสิ่งอื่นๆ
ภายยังมีลักษณะของการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม...และมีการก่อรูปการทางสังคมขึ้นไม่
ต่างจากโมเลกุลของอนุภาค.....

ลักษณะสำคัญที่ทำให้ก่อเกิดระบบสังคม...ก็คือระบบองค์รวมของสิ่งต่างๆในธรรมชาติ
มีพัฒนาการไปบนพื้นฐานแห่งการปรับดุลยภาพตลอดเวลาเพื่อให้เกิดการดำรงอยู่และ
เกิดการเคลื่อนที่ไป....ภายใต้อันตรกิริยากับภายนอก...ที่มีการแปรเปลี่ยนไปเช่น
กันตลอดเวลา

โมเลกุลทางสังคม...หรือระบบความสัมพันธ์ทางชีวภาพของสังคมมนุษย์...มีระบบแห่ง
การสื่อสาร...ระบบเศรษฐกิจ...การเมือง...และระบบทางสังคมต่างๆ..เป็นส่วนเชื่อม
ความสัมพันธ์เช่นเดียวกันกับพันธะทางฟิสิกส์เคมีต่างๆที่เชื่อมอนุภาคเป็นโครง
สร้างโมเลกุล.......

ในการวิเคราะห์เพื่อหาทิศทางที่จะก่อให้เกิดทางเลือกที่ดีที่สุดกับการก่อรูปการ
ทางสังคม...มีหัวข้อที่ต้องวิเคราะห์หลักๆดังนี้...


1.การวิเคราะห์ทิศทาง ....ได้แก่ทิศทางหลัก...ทิศทางย่อยๆ...ทิศทางเลือก
ต่างๆ...เป็นต้น อันประกอบไปด้วยการวิเคราะห์

-ร่องรอยแห่งอดีต...อันเป็นส่วนที่จะบ่งบอกถึงทิศทาง

-ร่องรอยแห่งอนาคต....อันบ่งบอกถึงทิศทางและแนวโน้ม

-แบบวิธีปฏิบัติในปัจจุบัน.....อันบ่งบอกถึงข้อแห่งการกระทำปัจจุบัน

-ศักย์ที่ดำรงอยู่......ได้แก่ค่าแห่งศักยภาพทางกายภาพทางสังคม และศักยภาพทาง
ปัญญา,จิตวิญญาณทางสังคมนั้นๆ...อันก่อเกิดระบบแห่งการแลกเปลี่ยนศักยภาพ
นั้นๆ...การประเมินคุณค่า...การเปรียบเทียบต่างๆ.....สัมพันธภาพต่างๆ...เป็น
ต้น

-ลักษณะของความสัมพันธ์และระบบ....เช่นระบบสื่อสาร...

-การเปลี่ยนแปลงและทิศทางภายใต้การเคลื่อนที่

-มิติของเงา,มิติวงแหวน,มิติการทับซ้อน(พหุภาพกายภาพ),มิติการทับซ้อนเวลา(พหุ
ภาพเวลา)และมิติองค์รวมพหุภาพ(องค์รวมทางกายภาพและจิตวิญญาณทางสังคม)

2.หลักการทั่วไปทางฟิสิกส์ของการเปลี่ยนแปลง
( ดังได้กล่าวในรายละเอียดมาแล้ว...เช่นพลังงานความเร็วของระบบ..หรือศักยภาพ
ต่างๆที่ดำรงอยู่ในทางสังคมอันเป็นเงื่อนไขการก่อรูปการทางวัตถุในระบบ )

3.การประยุกต์ หรือการเลือกทิศทาง


เช่น...การสร้างองค์ความรู้ใหม่ใดๆ....ก็ต้องคำนึงถึงทิศทางอันก่อให้เกิดการ
พัฒนาสูงขึ้นของระบบที่สอดคล้องกับการพัฒนาไปของภายนอก...และองค์ความรู้ใดๆล้วน
ประกอบไปด้วย ร่องรอยอดีตหรือประวัติศาสตร์(ที่เก็บรับบทเรียน),ร่องรอยการกระทำ
ปัจจุบัน(การลงมือทดลองปฏิบัติเพื่อหาข้อสรุป)และร่องรอยแห่งอนาคต(การสร้าง
สรรค์,การรังสรรค์,ทฤษฎี,จินตนาการ,นโยบายมาตรการทุกชนิดเป็นต้น)....

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า19

..........................


จากการวิเคราะห์โครงสร้างการก่อรูปการของอารมณ์แห่งความงามความรักบนการ
วิเคราะห์รูปธรรมแห่งอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกเสมือน...เป็นแบบวิธีวิเคราะห์
แบบหนึ่งที่เรียกว่า...การวิเคราะห์สิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างเป็นรูปธรรม....

ภายใต้การวิเคราะห์หากฎเกณท์...จากเฉพาะสู่ทั่วไป.....

เราจะเห็นได้ว่ารูปธรรมต่างๆที่เพื่อนๆในบล็อกได้แสดงออกมาเป็นตัวอักษรในการ
สื่อถึงอารมณ์อันก่อเกิดสุนทรียภาพความงามความรัก....อันได้แก่....รูปการของ
ความผูกพันต่างๆ....ความใกล้ชิดในรูปแบบต่างๆเช่นอารมณ์ความรู้สึกที่มีความ
คล้ายคลึงกัน..หรือการมีลักษณะร่วมกัน....มิตรภาพ...ความประทับใจต่างๆ....เป็น
ต้น

จากการวิเคราะห์เราจะเห็นได้ว่า....การก่อรูปการทางวัตถุหรืออารมณ์บนโลกแห่ง
ความคิดหรือจิตใจ...รูปการทางวัตถุที่เกิดขึ้นเป็นการเกิดขึ้นโดยมีการประกอบกัน
ขึ้นมาใหม่จากอารมณ์ต่างๆในอดีต...ปัจจุบัน...และความไฝ่ฝันหรืออนาคต....เป็น
รูปการใหม่ที่เกิดขึ้นของอารมณ์แห่งสุนทรียภาพความงามความรัก....การเกิดขึ้นของ
รูปการทางวัตถุบนระบบความคิดหรืออารมณ์.....เป็นการก่อรูปการในลักษณะของกระบวน
การหลอมรวม....หรือกระบวนการฟิวชั่นโดยมีทิศทางแห่งการพัฒนาที่สูงขึ้น...


ในทางตรงข้าม....การก่อรูปการทางวัตถุที่มีทิศทางตรงข้ามเป็นการเกิดจากกระบวน
การลดลงของพลังงานองค์รวมระบบและเป็นกระบวนการแยกย่อยลงขององค์รวมหรือกระบวนการ
ฟิชชั่น....

นั่นคือ เราพอจะสรุปหลักการเบื้องต้นทั่วไปดังกล่าว....คือ...กระบวนทางด้านความ
คิดหรือจิตใจซึ่งเป็นกระบวนการก่อรูปการทางวัตถุของระบบที่มีความเร็วสูงกว่า
ระบบการก่อรูปการทางกายภาพ....การก่อรูปการของระบบความคิดที่มีทิศทางการพัฒนา
สูงขึ้นของจิตใจหรือ...รูปการแห่งความรักที่ออกไปจากตัวตน...การก่อรูปการใหม่
ที่สูงขึ้นเป็นผลจากการหลอมรวมของพลังงานทั้งระบบของกรอบการวิเคราะห์......

มนุษย์...สามารถที่จะพัฒนาและสร้างเสริมศักยภาพเพื่อสร้างเงื่อนไขแห่งการก่อ
รูปการในทิศทางที่ดีงามได้....

การก่อรูปการแห่งความเชื่อ...ทางศาสนาก็เช่นกัน...

มนุษย์เมื่อ 2-3 พันปีที่แล้ว...ได้คำอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆในรูปของความเชื่อ
ทางศาสนา...โดยมีการอธิบายในเชิงสัญญลักษณ์เปรียบเทียบ

ในความหมายถึง...พลังงานต่างๆที่ดำรงอยู่ในทางธรรมชาติที่มนุษย์สัมผัสได้ด้วย
จิตใจและจิตวิญญาณแต่ละคน....และได้ให้ความหมายในเชิงสัญญลักษณ์อันหมายถึงพระ
เจ้า...

เช่นเดียวกันกับการอธิบายในทางฟิสิกส์ปัจจุบัน...เราทราบว่ามีพลังงานดำรงอยู่ใน
จักรวาล..

ในพระคัมภีร์ศาสนา...ที่มีบันทึกมาหลายพันปีจากอดีต...พระเจ้าย่อมหมายถึง
พลังงานที่ดำรงอยู่ที่มนุษย์สัมผัสได้.....

แบบวิธีการสัมผัสกับพลังงานในจักรวาลในการทำความเข้าใจทางฟิสิกส์เช่นการทดลอง
ต่างๆ.......ในแบบวิธีทางศาสนาจะเป็นแบบพิธีกรรมเป็นรูปแบบหลักในการปฏิบัติ...

พิธีกรรมต่างๆ....อันเป็นกระบวนแห่งการก่อรูปการทางจิตหรือการปฏิบัติการทาง
จิต...หรือกระบวนการฟิวชั่นทางจิตเพื่อหลอมรวมให้จิตใจของแต่ละคนเกิดคุณสมบัติ
พิเศษขึ้น....อันเกิดจากพลังงานแห่งกระบวนการฟิวชั่นในทางจิต....

อันได้แก่...การอธิษฐาน การอ่านทำความเข้าใจพระคัมภีร์ การนมัสการ หรือกระบวน
การที่ในคัมภีร์ที่กล่าวถึงการยึดมั่นหรือติดสนิทกับพระเจ้า...ความศรัทธา ความ
ยึดมั่น ความยำเกรงต่างๆล้วนเป็นกระบวนการที่ก่อรูปการแห่งความเชื่อมั่นในระบบ
จิตใจอันก่อเกิดพลังงานและความมีสมาธิ....ความสงบนิ่ง....ความปิติ...ความสงบ
เยือกเย็นในจิตใจ.....ให้เกิดการหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพลังงานต่างๆ
เหล่านั้น....

อันเป็นผลให้กระบวนการทางจิตคนๆนั้นก่อเกิดอันตรกิริยากับพลังงานที่ดำรงอยู่ใน
การก่อเกิดรูปการทางจิตที่มีพลังงานของระบบสูงขึ้น...

ตัวอย่างเช่น...ในพระคัมภีร์ศาสนาคริสต์
ยากอบ 1:5 “ ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ทรง
โปรดประทานให้แก่คนทั้งปวง ด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับ
สิ่งที่ทูลขอ ”

จะเห็นได้ว่า การสัมผัสในกระบวนการทางจิตของคนในยุคนั้นและมีการบันทึกไว้

หมายความว่าพลังงานที่ดำรงอยู่ในจักรวาล อันไม่จำกัดต่อผู้หนึ่งผู้ใด....หรือ
สัจจธรรมใดๆที่ดำรงอยู่...การก่อรูปการใดๆอยู่ที่คุณภาพในกระบวนการทางจิตของแต่
ละคนที่จะนำเอาพลังงานที่ดำรงอยู่มาก่อรูปการให้เป็นประโยชน์แก่ตนได้อย่างไร
เท่านั้น...หรือในการทำความเข้าใจในสิ่งที่เป็นไปเหล่านั้นในธรรมชาติ

พระเจ้า...ก็เช่นเดียวกับ...นิพพาน ของพุทธศาสนา.....อันเป็นการดำรงอยู่ของ
พลังงานในธรรมชาติไม่เอนเอียงหรือมีอคติต่อผู้ใด...

เพราะเป็นสภาวะที่กระบวนการทางจิตนั้นๆไม่สามารถก่อรูปการด้วยตนเองหรือเกิดการ
ดับสูญแล้วซึ่งกิเลสต่างๆ....
แต่พลังงานเหล่านั้นยังดำรงอยู่เป็นบ่อเกิดแห่งการก่อรูปการต่างๆ.....ตามร่อง
รอยของสิ่งต่างๆ....หรือตามแต่กรรมหรือการกระทำ...ของสิ่งต่างๆ...

มนุษย์...ย่อมเลือกทิศทางแห่งการกระทำของตนได้....ว่าจะสร้างร่องรอยแห่งการก่อ
รูปการของอนาคตอย่างไร....และย่อมที่จะเลือกทิศทางในทางที่พัฒนาสูงขึ้นอันสอด
คล้องกับทิศทางขององค์รวมระบบ....หากเลือกทิศทางแห่งการก่อบาป...และพอกพูน
กิเลส...แน่นอนที่สุดร่องรอยที่ก่อเกิดของรูปการใหม่ก็คือร่องรอยแห่งความ
ทุกข์...

เราเลือกที่จะมีความสุขหรือความทุกข์ได้....อยู่ที่ความพึงพอใจของเรา...

นี่เป็นสิ่งพิเศษ...ที่ธรรมชาติสร้างมนุษย์ขึ้นมา....

และอยู่ที่เราจะเลือกเป็นเดียรัจฉาน....หรือมนุษย์ที่มีทิศทางแห่งการพัฒนาของ
จิตใจที่สูงขึ้น...



แบบวิธีในการทำความเข้าใจต่อความเป็นไปทางธรรมชาติของมนุษย์....ที่ประกอบเป็น
รูปการแห่งความเชื่อในระบบความคิดของคนเรา....จากอดีตมาถึงปัจจุบันอาจจำแนกเป็น
รูปการใหญ่ๆคือ..

แบบวิธีแรก..เช่น การทำความเข้าใจในกฎเกณท์ทางธรรมชาติด้วยรูปการภายใต้การตรวจ
วัดและการสัมผัสในทางกายภาพอันได้แก่รูปแบบแห่งการให้เหตุและผลในแบบที่เราเรียก
กันว่าแบบวิธีทางวิทยาศาสตร์....ที่มีการทดลองปฏิบัติหาข้อสรุปจากการทดลอง
ปฏิบัติ....ในการทำความเข้าใจโลกของจิตวิญญาณ.....เช่นแบบวิธีของพุทธศาสนา...จะ
ใช้แบบวิธีนี้เป็นหลักในการทำความเข้าใจอันเป็นปฏิบัติการทางฟิสิกส์ของระบบจิต
วิญญาณ.....ซึ่งจำแนกเป็นแบบชุดแห่งการปฏิบัติที่แตกต่างกันไป....


ในแบบแห่งการปฏิบัติทั่วไป....หรือที่เรียกว่าการดำเนินตามทางสายกลาง....สำหรับ
บุคคลทั่วไปอันได้แก่....การเจริญในอริยมรรค....หรือ มรรค 8 อันเป็นการดำเนิน
ชีวิตที่อยู่ในทิศทางแห่งการไปสู่จุดมุ่งหมายนิพพาน.....หรือเกิดการก่อรูปการ
แห่งร่องรอยและทิศทางแห่งอนาคตเพื่อไปสู่จุดหมายนี้...ได้แก่...ความคิดเห็นที่
ถูกต้อง....ความคิดที่ชอบ.....การพูดที่ชอบ....การทำงานที่ชอบ...การเลี้ยงชีพ
ที่ชอบ....ความพยายามที่ชอบ....การมีสติที่ชอบ....การมีสมาธิที่ชอบ.....และใน
ทั้งหมดจะมี สัมมาสมาธิเป็น องค์ประธานหรือเป็นหลักโดยมีอีก7 มรรค(หนทาง,วิถี
ทาง)เป็นองค์ประกอบ....


และยังต้องประกอบไปด้วย....จุดมุ่งหมาย...ความไฝ่ฝันแห่งอนาคต..หรือคุณธรรม
หลักๆคือ...พรหมวิหาร 4 หรือการประพฤติตนเยี่ยงพรหม....อันได้แก่...เมตตา(ความ
รักที่บริสุทธิ์)...กรุณา(ความเกื้อกูล)...มุทิตา(ความสุข,ความเบิกบาน)....
อุเบกขา(ความหนักแน่น,ความเที่ยงธรรม)....เป็นต้น...

สำหรับแบบวิธีปฏิบัติในแบบวิธีทางพุทธศาสนา...มีการแยกย่อยละเอียดมากในการ
ปฏิบัติสำหรับผู้ที่มุ่งมั่นบรรลุสู่จุดมุ่งหมายการหลุดพ้น....

แบบวิธีที่สอง....แบบวิธีการในเชิงกระบวนการรับรู้แห่งรหัสนัย....แบบวิธีของการ
ก่อรูปการในทางความเชื่อในรูปแบบนี้....รูปแบบการทดลองปฏิบัติในทางจิตวิญญาณ...
จะใช้รูปแบบแห่งการก่อกระบวนการทางจิตเพื่อที่จะสัมผัสกับสิ่งที่นอกเหนืออายตนะ
ภายนอกหรือรูปการทางวัตถุสัมผัสได้...

การก่อรูปการทางจิตโดยอาศัย...สัญลักษณ์...ความศรัทธา...หรือพิธีกรรมต่างๆ...
เป็นรูปแบบหลักเพื่อให้กระบวนการในทางจิตเกิดการรวมตัว....และก่อเกิดพลังงานที่
สูงขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบความเร็วที่สูงขึ้นตามปริมาณแห่งพลังงาน
ที่เพิ่มขึ้นของระบบ....

การรับรู้ต่อระบบใดๆ...สิ่งที่ตรวจวัดได้ก็ต้องอยู่ในระบบเดียวกันจึงจะตรวจวัด
และสัมผัสได้....

เช่น....เราจะตรวจวัดระบบที่เร็วกว่าความเร็วแสงได้เราด้วยอายตนะหรือเครื่องมือ
ตรวจวัดต่างๆหรือการตรวจวัดในเชิงประจักษ์นิยมอย่างเป็นรูปธรรม....ซึ่งก็
ต้องอยู่ในระบบแห่งการก่อรูปการเดียวกัน....ไม่เช่นนั้นก็ต้องอาศัยการอนุมาน..
การคาดหมายการประมาณการในเชิงนามธรรม....

พลังงานของการก่อรูปการในระบบทางจิตวิญญาณ....ย่อมประกอบไปด้วยความหลากหลายใน
ระบบแห่งความเร็ว....

เทคนิค...ในการตรวจวัดแบบนี้ได้แก่....กระบวนการยกระดับและเปลี่ยนแปลงพลังงานใน
ทางจิตให้สัมผัสกับพลังงานในระบบที่เราสามารถก่อรูปการเพื่อให้สัมผัสได้อย่าง
เป็นรูปธรรม....

เทคนิคการตรวจวัดแบบนี้....เช่นกระบวนการฟิวชั่น....และกระบวนการฟิชชั่น...ใน
ทางจิต..

ภายใต้กระบวนการเช่นนี้....ก่อให้รูปการทางจิตที่ก่อขึ้นจากรูปการทางวัตถุใน
ระบบความเร็วแสงเกิดการเปลี่ยนแปลง....

การลดลงของอัตตาใดๆหรือมวลแห่งกิเลสที่เกิดจากกระบวนการทางวัตถุ...เป็นผลให้
เกิดการเพิ่มสูงขึ้นของพลังงานทางจิตในการที่จะก่อเกิดอันตรกิริยากับพลังงานภาย
นอกที่ดำรงอยู่ในจักรวาลและมีขนาดของขอบเขตุที่กว้างขึ้น.......

โลกแห่งนรก...และโลกแห่งสวรรค์....ก็คือโลกที่ทิศทางแห่งจิตวิญญาณก่อรูปการขึ้น
ใหม่ภายใต้กระบวนการพัฒนาที่เป็นไปตามกฎเกณท์ทางธรรมชาติของมนุษย์....ทั้งในทาง
กายภาพและทางจิตวิญญาณ....

การเกิดขึ้นของรูปการดังกล่าว....ก่อเกิดจาก...รูปการของร่องรอยแห่งอดีต...หรือ
กรรม...และรูปการของร่องรอยแห่งอนาคต...อันรวมไปถึงการกระทำแห่งปัจจุบัน.....

ประกอบกันขึ้น...เป็นรูปการใหม่.....และมีทิศทางการพัฒนาไปตาม...กรรมเหล่า
นั้น....


ทิศทางหลักในสองทิศทาง....เมื่อกล่าวสำหรับในกรอบกระบวนทางจิตวิญญาณของมนุษย์ก็
คือทิศทางที่มีการพัฒนาของพลังงานที่สูงขึ้น....และทิศทางที่มีการลดลงของ
พลังงาน.....เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อรูปการทางวัตถุแห่งโลกของมนุษย์......


หลักการทั่วไปทางฟิสิกส์แห่งการก่อรูปการ...ก็คือ...


-สรรพสิ่งล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน...และแยกไม่ออกจากกัน...แปรเปลี่ยนไป
มา...

-การเกิดขึ้นของรูปการใดๆ....ล้วนเป็นการก่อเกิดจากร่องรอยแห่งอดีต...และร่อง
รอยแห่งอนาคต.....

-ระบบที่มีพัฒนาการสูงขึ้นหรือมีพลังงานที่สูงกว่า...ย่อมก่อเกิดจากร่อง
รอยอดีต...ปัจจุบัน...และอนาคต...ของระบบที่มีพลังงานต่ำกว่า....เมื่อเทียบ
อย่างสัมพัทธ์...

-ระบบที่มีพลังงานต่ำกว่าใดๆ....การแปรเปลี่ยนไปสู่ระบบที่มีพลังงานสูงย่อมเกิด
จากกระบวนการที่เกิดการหลอมรวมพลังงานในระบบที่สูงขึ้น...อันตรกิริยาที่ก่อเกิด
กับพลังงานภายนอกจึงก่อเกิดการยกระดับสู่คุณภาพใหม่....

-การลดลงของพลังงานในระบบพลังงานสูงไปสู่ระบบพลังงานต่ำ....หรือเกิดการก่อ
รูปการทางวัตถุในระบบความเร็วต่ำ....เกิดจากกระบวนการแตกตัวในองค์เอกภาพนั้นๆ
อันเป็นผลให้เกิดองค์รวมย่อยๆและเกิดการลดลงของพลังงานแห่งองค์รวมใหญ่.....และ
เกิดจากการเพิ่มพูนขึ้นในรูปการทางวัตถุขององค์รวมนั้นๆจนถึงระดับแห่งการลดลง
ของความเร็วในระบบ...


ระบบฟิสิกส์โลกแห่งนรก....และฟิสิกส์โลกแห่งสวรรค์....ล้วนมีการทับซ้อนของระบบ
ความเร็วอันหลากหลาย....การก่อรูปการทางวัตถุแห่งระบบความเร็วใดๆหรือพลังงาน
ใดๆ...เป็นไปตามกฎเกณท์ทางฟิสิกส์ดังกล่าว....


การก่อรูปการทางความเชื่อ....ในรูปการความเชื่อทางศาสนาอันเป็นรูปการหนึ่งของ
จิต...หรือรูปการทางความนึกคิดของคนเรา....

รูปการที่เกิดขึ้นของความคิด...ก็คือรูปการการก่อรูปทางวัตถุที่อยู่บนระบบแห่ง
ความเร็วหรือระบบแห่งพลังงานที่แตกต่างจากการก่อรูปการทางวัตถุในระบบความหมาย
ที่เราเข้าใจกันหรือระบบที่ความเร็วสูงสุดเท่าความเร็วแสง.....

หากเราจินตภาพดูว่า...องค์รวมของสนามแรงที่ประกอบขึ้นอันก่อให้เกิดรูปการทาง
วัตถุที่เดินทางได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ความเร็วแสง....เราลองจินตภาพดูว่าเป็น
เหมือนแม่น้ำสายหนึ่ง...

ในแม่น้ำสายนี้...ยังมีระบบความเร็วที่หลากหลาย...แม่น้ำที่ไหลไปหาได้ไหลไปด้วย
ความเร็วเท่ากันไม่....ความเร็วของกลางลำแม่น้ำ...ริมฝั่ง....ในส่วนน้ำลึก...ใน
ส่วนผิวแม่น้ำ...บางแห่งมีน้ำวนเล็กๆ...ความเร็วในแต่ละส่วนไม่เท่ากัน

เราจะเห็นว่าความเร็วในระบบใหญ่ของแม่น้ำเราอาจประมาณการความเร็วได้เป็นค่า..
ความเร็วเฉลี่ย...และความเร็วต่ำสุด...ความเร็วสูงสุด...เมื่อผู้ตรวจวัดหยุด
นิ่งอยู่บนฝั่ง.....

การตรวจวัดประมาณการในทางคณิตศาสตร์...มีหลายแบบ....เช่นเราอาจตรวจวัดความเร็ว
โดยผู้ที่ตรวจวัดอยู่บนสายน้ำ...แต่ก็ต้องมีจุดอ้างอิงที่หยุดนิ่งอย่างสัมพัทธ์
ในการอ้างอิง....หรือการตรวจวัดโดยการเปรียบเทียบ...ระหว่างเช่นความเร็วของสาย
น้ำบริเวณเฉลี่ยความลึกที่สมมติเช่น3ฟุต...กับความเร็วในความลึกลงไปกว่านี้...
เป็นต้นโดยมีผู้สังเกตุที่อยู่นอกระบบ..เป็นต้นความเร็วที่ได้อันเป็นความเร็ว
สัมพัทธ์ที่เกิดจากการเปรียบเทียบ....

การก่อเกิดรูปการทางความคิดใดๆ....ล้วนเกิดจากการเกิดขึ้นใหม่จากรูปการทาง
อารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น.....และรูปการทางอารมณ์ต่างๆล้วนเป็นการสัมผัสกับองค์
รวมต่างๆทางวัตถุจากภายนอก...เช่น..อารมณ์สุนทรียภาพความงามที่เราเห็นจากภาพ
วาด...เราจะเห็นว่าที่เรามองคือองค์รวมทั้งหมด....

สุนทรียภาพในด้านเสียงเพลง...ก็เกิดจากการรับฟังองค์รวมทั้งหมดของเพลง...

องค์รวมต่างๆที่เรารับรู้จากอายตนะทั้งหมด....ก่อเกิดรูปการทางวัตถุในกระบวนการ
ทางความคิดของคนเรา....

ในการแบบวิธีการปฏิบัติ...และปรัชญาทางพุทธศาสนา...มีการจำแนกในทางปริมาณและ
คุณภาพของจิตไว้หลายระดับ...

เช่น...ในระดับต้น...หรือระดับพื้นฐานในการฝึกฝนการควบคุม...สติ..ให้ดำรงอยู่ใน
สมาธิตามแบบพุทธปรัชญาหรือที่เรียกว่าการเจริญสติปัฏฐานอันเป็นแบบวิธีการฝึกฝน
เพื่อควบคุมจิตใจและตัดกิเลสที่มาปรุงแต่งจิตใจออก...ด้วยวิธีการในแบบ
วิปัสสนา...และสมาธิ....

ในแบบการปฏิบัติการทางจิตแบบนี้มีการจำแนกคุณภาพของจิต กว้างๆที่เกิดจากผลการ
ปฏิบัติการทางจิต 2 ระดับใหญ่ๆคือรูปฌาน และอรูปฌาน

รูปฌาน แบ่งเป็น ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน...

อรูปฌาน แบ่งเป็น อากาสานัญจายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากิญจัญญาตนฌาน และ เนว
สัญญานาสัญญายตนฌาณ....

และขั้นสูงสุด คือ สัญญาเวทยิตนิโรธ....

จะไม่ขอกล่าวรายละเอียดสำหรับท่านที่สนใจศึกษาได้จากพระไตรปิฎกและตำราพุทธศาสนา
ต่างๆ.....

ในแบบวิธีปฏิบัติการทางจิตแบบพุทธจะเห็นว่า.....ในแต่ระดับของจิต...ที่เข้าใกล้
ค่าของ 0 แห่งระบบจิต...หรือในความหมายว่าบรรลุสู่การดับกิเลส...ในขั้นสูงสุดจะ
มีการ จำแนกแยกแยะตัดอารมณ์ต่างๆออก...สัญญาหรือข้อผูกพันใดๆออกหรือการตัดกิเลส
ใดๆออกจากระบบความคิด.....ภายใต้การวิเคราะห์การเปรียบเทียบการพิจารณาให้เห็น
ถึงความเป็นอนัตตา....

จิตในระดับนี้จึงเป็นระบบจิตที่ มีอีกคุณภาพหนึ่ง....อันแตกต่างจากระบบจิตที่
อยู่ในระบบแห่งการพอกพูนของกิเลสอันเป็นร่องรอยแห่งการกระทำหรือการก่อรูปการทาง
วัตถุในระบบกายภาพ

การควบคุมสติ...หรือการมีสมาธิอย่างยิ่งยวด......เป็นผลให้ระบบแห่งการรับรู้ไม่
ถูกจำกัดโดยการปรุงแต่งของกิเลสของโลกวัตถุทางกายภาพ....นั่นคือความมีเสรีภาพ
ที่สูงขึ้นแห่งการรับรู้ทางอายตนะในอีกระบบความเร็ว...รวมไปถึงรูปธรรมแห่งการ
ก่อรูปการของพลังงานในอีกระบบความเร็วที่แตกต่างจากความเร็วทางกายภาพ......

และนี่เป็นรูปการหนึ่งของกระบวนการทางจิต....อันควบคู่กับกระบวนการทางกายภาพของ
มนุษย์...

เช่นเดียวกันกับเมื่อเรามองดูแท่งแม่เหล็ก....เราก็คงมองไม่เห็นสนามแรงของ
มัน...

เว้นแต่เมื่อมีเหล็กเข้ามาใกล้....

กายภาพ ย่อม มีจิตใจ ที่ควบคู่กันไปอย่างแยกไม่ออกและประกอบเป็นองค์รวมเดียว
กัน....ในการวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตเช่นมนุษย์บนโลกใบนี้...


....................................

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า17

ฟิสิกส์โลกของนรก


ความเชื่อในทางศาสนาใดๆของมนุษย์ล้วนเป็นการสะท้อนออกถึง...กระบวนการก่อรูปการ
ทางวัตถุในอีกระบบความเร็วที่แตกต่างจากระบบความเร็วการก่อรูปการทางวัตถุ...

พลังงาน ที่ดำรงอยู่ในจักรวาล.....อันเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดรูปการต่างๆของการ
ก่อรูปการทางวัตถุในระบบใดๆ.......

ในกระบวนการคิดของมนุษย์ที่มีอันตรกิริยากับพลังงานที่ดำรงอยู่นี้....รูปการที่
เกิดขึ้นภายใต้ร่องรอยจากการกระทำของมนุษย์....

หากการกระทำอันมีทิศทางของการก่อรูปในกระบวนระบบที่มีทิศทางความเร็วต่ำ....เช่น
การหมุนวนในร่องรอยที่ลึก...เมื่อกระการการระบบพัฒนาไปในทิศทางที่มีมวลพลังงาน
ที่มีความเร็วสูงขึ้น...ก็ทำให้กระบวนการของคนๆนั้น...อยู่ในระบบของความเร็วที่
ต่ำกว่าระบบรวม...

นอกจากนั้น...หากการกระทำใดๆ...ของคนๆนั้น...ล้วนเป็นการกระทำอันสร้างร่องรอย
ของการก่อรูประบบความเร็วต่ำเกินกว่าระบบการก่อรูปการของมนุษย์.....เช่นการ เข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน....การดำรงชีพบนความทุกข์ยากของผู้อื่น...การยึด
มั่นอย่างเหนียวแน่นแห่งตัวตนและก่อเกิดร่องรอยลึกแห่งตัวตนอันเป็นการคงรูปเดิม
ของตัวตนยากแก่การพัฒนาสูงขึ้นของมวลพลังงานระบบ....


ระบบชีวิตมนุษย์....ถือว่าโชคดีที่สุดแล้วครับในทางฟิสิกส์ของโลกจิตวิญญาณ....

มนุษย์สามารถที่จะเลือกสร้างเงื่อนไขแห่งการก่อรูปการทางวัตถุ...ในระบบที่แตก
ต่างได้...

ว่าแต่จะเลือกในทิศทางไหน...

หากมนุษย์เลือกในทิศทาง การก่อรูปการของโลกที่มีระบบความเร็วของมวลพลังงานที่
ต่ำเกินกว่าก่อรูปการเป็นมนุษย์....หรือทิศทางที่โลกของระบบจิตใจที่มีแต่ ความ
โศกเศร้า..ความอาฆาตพยาบาท...ความเคียดแค้น...ความริษยา...ความชิงชัง...ฯลฯ หรือทิศทางอันตรงข้ามกับทิศทางแห่งความงาม....ความรัก..ความสุข...อันเป็นทิศทาง
ของระบบพลังงานสูง...

กว่าจะยกระดับการแปรเปลี่ยนมาสู่ระบบมนุษย์ได้....ไม่ทราบว่ากี่หมื่นกี่พันปี
ของการก่อรูปการทางวัตถุบนโลกนรกที่จะพัฒนาให้มวลพลังงานสูงขึ้นภายใต้สภาพการณ์
แห่งนรกนั้น......เมื่อเทียบกับเวลาในระบบโลกมนุษย์.....อันเป็นไปตามหลักการของ
การก่อรูปการทางวัตถุในระบบใดๆในทางฟิสิกส์....

แม้แต่...บนโลกปัจจุบัน...ถ้าเราเองยังพยายามสร้างหรือก่อรูปการต่างๆ...เพื่อ
ก่อเกิดนรกบนโลก...เช่นการขาดซึ่งความรักในเพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่ง.....นรกก็
เกิดขึ้นได้เช่นกันแม้จะเป็นระบบความเร็วของมนุษย์...เพราะมันเป็นหลักการทาง
ฟิสิกส์ถึงทิศทางการก่อรูปการทางวัตถุ.....

การขาดความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน...
การเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน....
การทำลายสภาพแวดล้อมต่างๆนาๆ....ที่เร่งสร้างเงื่อนไขวันพิพากษามาถึงเร็ว
ขึ้น...

คิดหรือว่าจะได้พบพระเจ้า...ครับ..

พระเจ้าไม่เคยสอน...ไม่เคยรับหรือติดสินบนจากการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์...จิตใจ
หยาบช้าเช่นนี้...ถ้าไม่กลับตัวใหม่....ปรับปรุงยกระดับจิตใจใหม่......
หนทางมีทางเดียวครับ...อยู่ในโลกแห่งนรกยาวนานกว่าบนโลกนี้ชั่วกัปป์กัลป์....

สำหรับเราที่ยังมีชีวิตอยู่....ก็จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท....หมายความว่าจง
เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสถานะภาพที่ไปสู่ระบบใหม่....

เราจะสร้างเงื่อนไขไปสู่ระบบไหน....ก็เลือกเอา...
ระบบบนโลกทางวัตถุมนุษย์...ต่อให้ท่านร่ำรวยเป็นแสนล้าน...ท่านเอาไปได้อย่าง
เดียวคือ......


ร่องรอยแห่งความดีหรือความชั่วเท่านั้นเอง....


หลักการทางฟิสิกส์แล้ว...ระบบเวลามนุษย์สุดแสนจะสั้นมากๆ....ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง
บนระบบความเร็วสูง....แต่ยาวนานมากหลายหมื่นปีบนระบบความเร็วต่ำ...หรือนรก...

นี่เป็นหลักการทางฟิสิกส์...ล้วนๆเลยนะครับ...

........................


การก่อรูปการทางวัตถุ....ในการอธิบายตามแบบแผนของรูปการแห่งความเชื่อของคนเราใน
รูปการหนึ่ง....เช่นความเชื่อในทางศาสนาอันมีรากฐานจากการก่อเกิดด้วยกระบวนการ
ฟิวชั่น หรือการหลอมรวม หรือกระบวนการแห่งความศรัทธา อันเป็นรากฐานการก่อรูปการ
ทางวัตถุของระบบความเร็วสูงทางระบบความคิด.....

พิธีกรรมต่างๆล้วนเป็นแบบแผนในการก่อรูปการทางวัตถุของระบบความเร็วสูงใน
กรอบกระบวนการคิดหรือจิตใจ....กระบวนแห่งพิธีกรรมจึงเป็นกระบวนการฟิวชั่นในทาง
จิต....

และภายใต้รูปการทางจิตเหล่านั้น....ต่างล้วนมีร่องรอยแห่งทิศทางที่ชัดเจน....

ทิศทาง....ของศาสนาทุกศาสนา...มีทิศทางแห่งความรัก....อันตรงข้ามกับทิศทางแห่ง
ความเกลียด....

ภาวะอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในหลักความเชื่อแบบพุทธศาสนาก็คือนิพพาน....หลัก
การของนิพพานก็คือ...การตัดอารมณ์แห่งกิเลสทุกชนิดเพื่อนำไปสู่การดับสูญหรือการ
ไม่เกิดขึ้นของกระบวนการทางจิต.....

ในทางฟิสิกส์แล้วก็คือ....การดำรงอยู่ของพลังงานในจักรวาล....อันเป็นพลังงานที่
ไม่ก่อเกิดรูปการทางวัตถุด้วยตนเองหรือไม่ได้มีความเอนเอียงในการให้คุณให้โทษ
แก่ผู้หนึ่งผู้ใด....ดำรงสถานะที่เป็นปัจจัยหนึ่งตามธรรมชาติ.....เป็นพลังงาน
ที่สรรพสิ่งสามารถนำไปก่อรูปการทางวัตถุในความหลากหลายของระบบกาลาวกาศอันขึ้น
กับร่องรอยแห่งการสารูป...ของสิ่งนั้นๆ...

ในศาสนาคริสต์ และอิสลาม โดยเนื้อหาหลักก็คือหลักแห่งความรักที่มีต่อเพื่อน
มนุษย์และสรรพสิ่ง....

และมีทิศทาง....ก็คือ...รักที่ออกไปจากตัวตน....อันมีจุดหมายสุดท้าย ก็เช่น
เดียวกับภาวะนิพพานในพุทธศาสนา...

เพราะในทางฟิสิกส์แล้ว....ทิศทางของความรักที่ออกไปจากตัวตน...จุดหมายก็คือการ
สูญสลายตัวตนนั่นเอง....หรือการดำรงอยู่ในจักรวาลอันเป็นพลังงานที่ไม่ก่อรูปการ
ทางวัตถุได้ด้วยตัวเอง....เช่นเดียวกับพลังงานแห่งนิพพาน....

ภายใต้หลักการในทางฟิสิกส์...ที่ว่า...พลังงานใดๆไม่สูญสลายไปจากจักรวาล...
หากสูญหายไปจากจักรวาล....แล้วเราจะเชื่ออีกหรือว่ามีจักรวาล..ในการอธิบายในทาง
ฟิสิกส์และความเชื่อใดๆของมนุษย์....

แนวความเชื่อที่ได้รับการปรุงแต่งด้วยกิเลสแห่งตัวตนอันพอกพูนหนาแน่น....

จึงทำให้....ความเชื่อในทางศาสนาต่างๆ....ได้รับการบิดเบือนจนกลายเป็น
อวิชชา....

ศาสนา...ทุกศาสนาสอนให้มนุษย์ดำเนินชีวิตที่มีทิศทางการพัฒนายกระดับจิตใจสูง
ขึ้น..
และบรรลุในสิ่งที่เราเรียกกัน...ตามการอธิบายในรูปแบบความเชื่อทางศาสนาว่า...
จุดมุ่งหมาย....นิพพาน....จุดมุ่งหมายการเข้าถึงและไปพบพระเจ้า...

ในการอธิบายในทางฟิสิกส์แล้ว....ต่างก็คือจุดหมายเดียวกัน..นั่นคือ

การสูญสลายและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพลังงานในจักรวาล.....


..........................

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า 16

จดหมาย....ฉบับสุดท้าย


ผม reddragonค้นเจอจดหมายฉบับหนึ่งบนหัวใจ...เขียนด้วยลายมือซุนปิน..เขียนไว้
ดังนี้ครับ...

ถึง........ที่รัก...

“ ผมเกลียดคุณที่สุดในโลก....
ผมอยากตะโกนออกไปดังๆ...ให้โลกรับรู้...
คำๆนี้สำหรับคุณที่ผม...รัก..
กับหัวใจที่มีแต่การหลอกลวง...โกหกและไร้ซึ่งความจริง..และ
จะไม่มี ออกไปจากปาก...จากหัวใจของผม...
กับคำว่า...รัก...ที่มีให้ต่อเธอ...
ตราบชั่วฟ้าดินสลาย....
และการโกหกบนหัวใจของตนเอง.....”


จาก...ซุนปิน...


......ผม reddragon...รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนักกับจดหมายฉบับนี้ของซุนปิน....ที่
เขียนไปถึงคนรักของเขา..

แย่มากเลย...ไม่คิดถึงความมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ต้องใช้เวลากว่าจะสร้างขึ้น
ได้...
......ผมก็ต้องโยนจดหมายนี้ทิ้งเสียความรู้สึกกับความเห็นแก่ตัวและรักจอมปลอม
ของซุนปิน...

แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจหยิบมาอ่านใหม่....เมื่อเปิดอ่านจดหมายอีกฉบับที่ผนึกซอง...
ไว้...ส่งไปพร้อมกันแต่ไปไม่ถึงจดหมายตีกลับ....เขียนไว้ดังนี้ครับ...

.......ที่รัก...โปรดอ่านบรรทัดเว้นบรรทัด...รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย....ลงชื่อซุน
ปิน..


บางครั้ง...เวลา...ความเร็วและความซับซ้อนของข้อมูล...มันฆ่าเราได้นะ...!!!


........................


ฟิสิกส์โลกแห่งนรก : ฟิสิกส์โลกแห่งสวรรค์


การอธิบายในตอนนี้เกี่ยวกับเรื่องสุนทรียภาพของอารมณ์ความงามความรัก...เพื่อให้
ใจภาพรวม...คือผมใช้หลักการของกรอบมิติที่ 8 การทับซ้อนของเวลาหรือพหุภาพของ
เวลาและมิติที่9มิติองค์รวมพหุภาพมาอธิบาย....

หลักการของการวิเคราะห์ในกรอบนี้....จะทำให้เราทราบถึงโครงสร้างพื้นฐานในทาง
ฟิสิกส์ทั้งการก่อรูปการทางวัตถุและการก่อรูปการทางจิตใจ...


หลักแห่งการก่อรูปการ:

การอุบัติ,การบังเกิดขึ้น หรือการก่อขึ้นของรูปการใดๆ....ดังได้อธิบายมาแล้ว
ล้วนเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงในทางพลังงานของระบบหนึ่งไปสู่การก่อรูปการในอีก
ระบบหนึ่งอันสัมพันธ์กับพลังงานที่ใช้ไปในระบบ.....

ในฟิสิกส์อนุภาค...เช่นตัวอย่างการทดลองปรากฏการณ์โฟโต้อิเล็กตริก...ของ
ไอน์สไตน์ซึ่งให้คำอธิบายว่า แสงที่คุณสมบัติเป็นทั้งคลื่น...และเป็นอนุภาค..
โดยให้คำอธิบายว่าเกิดจากการที่อิเล็กตรอนวิ่งชนกัน...และปลดปล่อยพลังงานออก
เป็นรูปของอนุภาค..โฟตอน...

ดังนั้นในส่วนสมการต่างๆจึงอธิบายว่า...มวลและพลังงานแปรเปลี่ยนไปมาซึ่งกันและ
กันได้....และเรียกรวมๆว่าพลังงาน....นั่นหมายความว่าพลังงานแปรเปลี่ยนไปเป็น
สิ่งที่มีมวลวัตถุได้.....

มวลพลังงานเหล่านี้ยังมีการแปรเปลี่ยนอันสัมพันธ์กับความเร็วที่ใช้หรือพลังงาน
จลน์ที่ใช้ในการเคลื่อนที่...และมีการเปลี่ยนแปลงทั้งขนาดและเวลาของระบบภายใต้
การเคลื่อนที่เหล่านั้น...

ในทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่อธิบายถึงสนามแรงแห่งความโน้มถ่วง...เกิดการบิดเบี้ยวจาก
สนามแรงที่สูงกว่า...มีการพิสูจน์ในการทดลองหลายๆอย่างเช่นการตรวจวัดการโค้งงอ
ของกาลาวกาศโดยตรวจจากตำแหน่งดวงดาวเมื่อผ่านสนามแรงของดวงอาทิตย์...มีการ
เปลี่ยนแปลงของตำแหน่งเมื่อสังเกตุจากโลก....หรือการตรวจวัดความถี่ของคลื่นที่
แผ่ออกจากวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงขนาดความยาวคลื่นที่ที่ยาวขึ้นเมื่อห่างไกลออก
ไป....เป็นต้น...


เมื่อเรามองในกรอบแบบ9มิติ....เราจะเห็นว่าสิ่งที่ดำรงอยู่บนจักรวาลเป็นการทับ
ซ้อนของกาลาวกาศในหลายระบบอ้างอิง...และในระบบแห่งความเร็วที่แตกต่างเหล่า
นั้น..การอุบัติ..หรือการบังเกิด....หรือการก่อรูปการทางวัตถุ...ล้วนเกิดภายใต้
การเพิ่มขึ้น...หรือการลดลงของพลังงานในระบบอ้างอิงหนึ่งไปสู่ระบบอ้างอิง
หนึ่ง....

ในการอธิบายแบบนี้...ทำให้เราเข้าใจในความสัมพันธ์ของระบบทางกายภาพของมนุษย์ว่า
มีความสัมพันธ์กับระบบทางจิตใจอย่างไร...รวมไปถึงความเข้าใจที่ว่าจักรวาลล้วน
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน...

เอาแค่เราดูหยาบๆ...เช่นสิ่งต่างๆล้วนประกอบไปด้วยโปรตรอน นิวตรอน อิเล็กตรอน...

เมื่อเราใช้ในการทำความเข้าใจในห้องทดลองฟิสิกส์อนุภาค....เช่นปรากฏการณ์โฟโต้
อิเล็กตริก...ก็จะให้คำอธิบายที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของการก่อรูปการ......

จากการเคลื่อนที่ของรูปการคลื่น....สู่การก่อรูปการวัตถุของระบบความเร็ว
แสง....

เราอาจทดลองตรวจวัดค่าประมาณการในการคำนวนทิศทางและขนาดปริมาณได้...โดยการทดลอง
จากเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อทำการวิเคราะห์....การก่อรูปการของระบบความเร็วที่แตก
ต่าง....

คำอธิบายของฟิสิกส์ระบำปลายเท้า....จะทำให้เราเปิดพรมแดนแห่งการรับรู้ไปสู่การ
ประมาณการที่ใกล้ความจริงมากขึ้น....และไม่จำกัดกับกรอบของค่าสัมบูรณ์ในระบบใด
ระบบหนึ่ง...

ในการทำความเข้าใจในวิทยาศาสตร์สังคม...ก็จะทำให้เข้าใจในทิศทางแห่งการพัฒนา
เพื่อประโยชน์สูงสุดของมนุษยชาติ....

ในปรัชญา...ศาสนา...ความเชื่อ....ก็จะทำให้เราทราบว่า.....นิพพานในพุทธศาสนาคือ
อะไร....ปรัชญาความเชื่อมั่นแห่งพระเจ้า...คืออะไร......ซึ่งกล่าวโดยสรุปแล้วใน
การอธิบายทางฟิสิกส์แล้วก็คือการยืนยันว่ามีการดำรงอยู่จริงของพลังงานดัง
กล่าว....และก่อเกิดอันตรกิริยาภายใต้ระบบแห่งความคิดจิตวิญญาณของแต่ละคน......
แต่ทิศทางของศาสนาใดๆ....ก็คือทิศทางแห่งความรักที่ออกไปจากตัวตน....นั่นคือการ
รักต่อสรรพสิ่ง......และชัยชนะหรือความเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่และสุดท้าย...ไม่มี
ชัยชนะใดๆของตัวตนนอกจาก.....ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแห่งพลังงานที่ดำรง
อยู่ในจักรวาล.....


ทิศทางแห่งความรัก...อันตรงข้ามกับความโกรธเกลียดหรือเพื่อตัวตน......รักที่ออก
ไปจากตัวตนต่างหากจึงจะพัฒนาจิตใจมนุษย์ไปสู่ระบบที่สูงขึ้น....

ทิศทางแห่งการโกรธเกลียด...เพื่อตัวตน.....การเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยจิตใจที่
โสมมและโหดเหี้ยมของจิตใจที่สกปรกเห็นแก่ตัวอย่างนี้...ผลที่เกิดการก่อรูปการ
ทางฟิสิกส์....พิสูจน์ได้ในเชิงประจักษ์นิยมในแบบค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์......
นรก...เท่านั้นครับ...ที่เกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือสร้างนรก
ขึ้น.......

พลังงานเหล่านั้นก็จะลงโทษพวกเขาอย่างสาสมเช่นกัน....ไม่ใช่ใครทำ....

แต่เป็นกฎเกณท์ทางฟิสิกส์....อันเป็นสากลของจักรวาล...


เราคงมองเห็นแล้วจากเรื่องโครงสร้างการก่อรูปของอารมณ์ความงาม ความรัก....ว่าใน
ระบบความเร็วสูงหรือระบบของโลกทางจิตของมนุษย์มีความเร็วแตกต่างจากการก่อรูปของ
โลกในทางวัตถุ.....

ในโลกทางจิตใจมีความเร็วสัมพัทธ์ที่สูงกว่า....ดังนั้นจึงมีขนาดของกาลาวกาศที่
กว้างกว่าและเป็นไปตามหลักการของทฤษฎีสัมพัทธภาพ.....

เราจะเห็นว่าโลกในทางจิตใจมีองค์ประกอบ...ของอดีต...ปัจจุบัน...และอนาคต...
เมื่อเทียบกับโลกทางวัตถุ....และนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาก่อรูปการใหม่ในทางความคิด
อันเป็นรูปการใหม่ที่เกิดขึ้น ภายใต้ร่องรอยแห่งอดีต...และทิศทางร่องรอย
แห่งอนาคต....

การเกิดขึ้นของรูปการใดๆ....ล้วนเป็นไปในลักษณะเช่นนี้....

การค้นคิด...สร้างองค์ความรู้หรือเพื่อหากฎเกณท์....เราจะมีแบบวิธีการคือ.....
จากทั่วไปสู่เฉพาะ...และจากเฉพาะสู่ทั่วไป.....นั่นคือหากฎเกณท์ได้ทั้งสอง
แบบ....ที่ผมนำเสนอคือแบบการหารูปการเฉพาะของเรื่องความงามความรัก...หาหลักการ
ทั่วไปเพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบในสิ่งอื่นๆในการทำความเข้าใจหลักการทั่ว
ไป....

ถ้าเรามามองดูโครงสร้างในการค้นคว้าสิ่งต่างๆของมนุษย์บนโลก.....เราจะเห็นได้
ว่ามีการค้นคว้าแบบแยกส่วนโดยแยกเป็น กรอบโลกทางวัตถุ และโลกทางจิตใจและจิต
วิญญาณ

กรอบที่ ผมนำเสนอ....จะเป็นหลักการทั่วไปที่อธิบายถึงในการก่อรูปในทาง
ฟิสิกส์.....นับตั้งแต่...มวลพลังงานที่ดำรงอยู่ในจักรวาล....เทหวัตถุขนาด
ใหญ่....กาแลกซี่....ดวงดาว...ระบบสุริยะ...ระบบโลก....สิ่งมีชีวิตบนโลก....(
มนุษย์...สัตว์...พืช..) โลกวัตถุที่มีขนาดเล็ก เช่นโลกของอะตอม...โลกของหน่วย
ย่อยขนาดเล็กในทางชีวภาพ......และรวมไปถึงโลกทางจิตวิญญาณ.....หรือจากระดับ
มหภาค..ไปถึงจุลภาคและรวมไปถึงโลกทางจิตวิญญาณ.....

ในตอนนี้ขอกล่าวถึง...โลกทางความเชื่อ...หรือทางจิตวิญญาณ.....ก่อนที่จะไปกล่าว
ถึงรายละเอียดในโลกทางวัตถุในเรื่องฟิสิกส์อนุภาค...ในโครงสร้างอะตอม...ไปจนถึง
ควาร์ก...ในภาคของการประยุกต์ในตอนต่อไป.....

ความเชื่อในทางศาสนา.....ผมไม่ขออธิบายถึงประวัติศาสตร์การพัฒนามาเป็นเช่นไปใน
วิวัฒนาการของมนุษย์....แต่จะขอนำเสนอในการวิเคราะห์ในภาพรวมของความเชื่อใน 3 ศาสนาหลักเลย...กล่าวคือ...จะอธิบายถึงหลักการทางฟิสิกส์ในหัวข้อเหล่านี้
คือ...


-ความเชื่อในเรื่อง...นิพพานของศาสนาพุทธ....กฎแห่งกรรม...ภพชาติต่างๆในพุทธและ
ฮินดู....

-ความเชื่อในพระเจ้า....การดำรงอยู่ที่เป็นนิรันดร์(ชั่วฟ้าดินสลาย)ของพระ
เจ้า...ความหมายของวันพิพากษา....เนื้อหาและเจตจำนง....การตีความหมายในทาง
ฟิสิกส์ในเชิงประจักษ์นิยม.....

-พลังงานในจักรวาล....ที่เป็นปัจจัยในการก่อรูปในระบบที่มีความเร็วแตกต่าง....
ฟิสิกส์โลกของนรก...และฟิสิกส์โลกของสวรรค์ คืออะไร...


การกล่าวในหัวข้อเหล่านี้จะเป็นเพียงการทำความเข้าใจให้เห็นภาพรวมกว้างๆ.....
ว่าที่จริงแล้วทั้งจักรวาล....สรรพสิ่งล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน....และขอ
กล่าวโดยรวมๆอาจไม่เน้นเป็นหัวข้อๆ...

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า15

ฟิสิกส์สุนทรียภาพความงามความรักบนโลกเสมือน
ตอน..ทิศทางการก่อรูปของอารมณ์

ผม...reddragon...ทำการผ่าตัดหัวใจซุนปิน...ต่อ...ก็เอาหัวใจเสมือนใส่เข้าไป
แทน...ไม่มีปฏิกิริยาในการต่อต้านใดๆจากระบบของร่างกายแถมยังใช้งานได้ดีกว่า
เดิมเสียอีก....
งงเหมือนกันครับหัวใจเสมือนกลับใช้งานได้ดี.......อ่านบันทึกจากคลื่นหัวใจที่
ผ่าออกดูต่อครับ....ที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับทิศทางการก่อรูปการ....

ผม...ซุนปิน..เมื่อครั้งเรียนหนังสือใต้ต้นหางนกยูง....ตอนเข้าเรียนวิชาปรัชญา ฟังอาจารย์ท่านหนึ่งบรรยาย...ก็วันๆเอาแต่นั่งจดว่าอาจารย์ที่บรรยายจะหัวเราะ
กี่ครั้ง....

และก็นั่งหัวเราะนับจำนวนครั้งกับเพื่อน....ชั่วโมงหนึ่งเป็นหลายร้อยครั้ง
ครับ...เพราะท่านพูดไปหนึ่งคำ..หนึ่งประโยค..ก็หัวเราะตลอด...อืม อาจารย์ท่าน
อาจมีนิสัยของอารมณ์ดี......

ฟังแนวคิดหลากหลายของปรัชญาเมธีตะวันตกมากมายด้วยความสับสนและมึนงงจากท่าน
บรรยาย...ไม่ว่าจะเป็นความรักสารพัดแบบ....เพราะมันหลากหลายจนผมมึนงงหาหลักการ
ทั่วไปไม่ได้....

และด้วยความขี้เกียจ...และไม่ใส่ใจเรียน...มาอ่านหนังสือก่อนวันสอบวัน
เดียว.....ผลยังไงครับสลึมสลือไปสอบเพราะไม่ได้นอนเลย....ผลไม่ต้องบอกก็คง
ทราบ...ตกแน่นอน..เพราะมันต้องตอบเป็นอัตนัย..ส่งกระดาษเปล่า....แฮ่...น้องๆ
อย่าเอาเยี่ยงอย่างละ....ก็เลยเปลี่ยนมาลงวิชาใหม่เพราะมันเป็นวิชาเลือก
ครับ....

หลังจาก...เหตุการณ์ที่ผันแปรที่ต้องมาศึกษาอย่างหนักอีกครั้งในรอบ4ปี...และไม่
ใช่วิชาอะไรครับ....ก็ปรัชญาอีกแหละ....แต่เป็นปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษ....คราวนี้
ค่อยยังชั่วที่พอจะรู้หลักเกณท์....หรือแบบวิธีคิดหรือกฎเกณท์ทั่วไปในการคิด
มั่ง....

ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องค้นคว้า....ในฐานะที่กฎเหล็กของจิตสำนึกมันบังคับ....ที่
ว่าไม่กลัวลำบากไม่กลัวตาย...ของสมาชิกสันนิบาตเยาวชนและสมาชิกพรรค...

ผม...อายุแค่20 กว่าปีต้องมารับภาระหน้าที่ในการ....เป็นผู้บรรยายทฤษฎี...เรียบ
เรียง...และนำการสัมมนา...ประจำโรงเรียนสำหรับผู้ปฏิบัติงานระดับสูงในเขตุหนึ่ง
ร่วมกับเพื่อนอีก2คน....

ผู้ปฏิบัติงานระดับสูงในเขตุนี้จะต้องมาเข้าเรียน....เดิมที3เดือน...ต่อมาปรับ
ใหม่เป็น1เดือน...หมุนเวียนไปเรื่อย....จนถึงบรรดาผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น
สมาชิกพรรคซึ่งจะต้องมาเข้าเรียน...

หลักสูตร...นอกจากปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษวิธี...ยังมีเรื่องยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของ
สงคราม...การวิเคราะห์สังคมไทยด้วยทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์....การสร้าง
พรรค...ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์..ฯลฯ

ภาระหน้าที่บนพื้นฐานของจิตสำนึก....ที่ต้องทำดังได้กล่าว.....ตั้งแต่เช้าจรด 3
-4 ทุ่มเกือบทุกวัน...ในแต่ละรุ่น..ที่ต้องใช้เวลารุ่นละเดือน....

มีอยู่รุ่นหนึ่ง...เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย 3 คน...ที่เข้าร่วม....อืม..
เด็ก 20 ปีบรรยายและนำสัมมนาอาจารย์ท่านเหล่านี้....เป็นบรรยากาศการศึกษาที่ดี
ครับ...ทุกท่านเข้าใจในภาระหน้าที่ของแต่ละคนและศึกษาซึ่งกันและกันเคารพเหตุและ
ผลบนพื้นฐานแห่งความเสมอภาค....

นี่แหละ.....เป็นบรรยากาศเช่นเดียวกับบนโลกเสมือน......เสรีภาพในการคิดใดๆ...
ก่อเกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเสมอ...

ตรงนี้แหละจึงทำให้ผม...ซุนปิน...เข้าใจคำว่าปรัชญาคืออะไร.....

ปรัชญา...ก็คือหลักหรือกรอบในการคิด...

ไม่มีหลักแห่งการคิด....ก็ไม่ต่างจากไม่มีอาวุธหรือเครื่องมือ(แฮ่...เปรียบ
เทียบเฉยๆ..อย่าไปคิดไกลถึงเรื่องฆ่าแกงกัน)

มีหลักการคิดแล้ว....แต่ไม่มีทิศทาง...หรือวิเคราะห์กรอบแห่งทิศทางไม่ออก...
แล้วจะยิงศรไปได้ตรงเป้าอย่างไร.....

กระบวนทัศน์ใดๆ....ล้วนมีกรอบแห่งทิศทางกำกับ....อยู่ที่จะเลือกกรอบทิศทาง
ไหน....

โธ่....ท่านกามเทพ...ทิศทางอื่นก็มี...ทำไมต้องมาเล็งศรตรงหัวใจผมด้วยละ
ครับ...

ทราบแล้วครับฝีมือท่านแม่นมาก....
อ้าว...ก็เปลี่ยนเป็นหัวใจเสมือนแล้วนี่...จะเจ็บได้ยังไง...!!!

..............................


ทิศทางการก่อรูปการของอารมณ์


จากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์....ที่มีพัฒนาการ
มาถึงทฤษฎีควอนตัม....ที่ค้นคว้าทดลองหาข้อสรุปต่างๆเพื่อหากฎเกณท์ทั่วไปหรือ
ค่าคงที่หรือค่าสัมบูรณ์ใดๆในกรอบอ้างอิง....เพื่อตรวจวัดการประมาณการในการตรวจ
วัดในสิ่งที่กว้างไกลออกไปในจักรวาล....และสิ่งที่เล็กลงไปในโลกทางวัตถุใน
ฟิสิกส์อนุภาคเพื่อหาคำอธิบายในปรากฏการณ์เหล่านั้น....และนำมาประยุกต์รับใช้
มนุษย์....

การวิเคราะห์ภายใต้กระบวนทัศน์แบบแยกส่วนเพื่อตรวจวัดปรากฎการณ์ต่างๆและกรอบแนว
คิดแบบประจักษ์นิยมแบบกลไก...ทำให้เกิดการแยกโลกในทางจิตใจของมนุษย์กลายเป็น
สิ่งที่เรียกว่าอยู่นอกเหนือฟิสิกส์ (meta-physic)....ทั้งๆที่ปรากฎการณ์ทางจิต
เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติ...และก็เป็นไปตามกฎเกณท์ทางธรรมชาติหรือหลักการ
ทางฟิสิกส์....

ความงาม...ความรัก...ความเชื่อ...ศาสนา...ลัทธิ...อารมณ์ต่างนาๆ...ฯลฯ....ล้วน
ดำรงอยู่จริง...และเป็นไปตามกฎเกณท์ทางธรรมชาติ....ที่เป็นกฏเกณท์ทางฟิสิกส์
เมื่อเราตรวจวัดในเชิงประจักษ์นิยม.....

พลังงานต่างๆเหล่านี้ที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติ....และภายใต้อันตรกิริยาที่เกิดขึ้น
ของมนุษย์...ในความหลากหลายแห่งอันตรกิริยากับ....ระบบรูปการทางวัตถุที่หลาก
หลายระบบความเร็ว...และมีการทับซ้อนกัน...

ถ้าเราลองหลับตาลง...และจินตนาการดู....ขณะนี้ไม่มีแสงดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับ
มายังสายตาเรา.....เราก็จะเห็นว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่เป็นดาวฤกษ์ต่างส่องแสงเดิน
ทางมายังสายตาของเราที่แตกต่างกัน....บางดวงก็หลายล้านปีแสง..บางดวงก็สิบยี่สิบ
ปีแสง...บางดวงก็สะท้อนแสงของดาวดวงอื่น.....แต่ ณ. เวลานี้เราที่ยืนดูเห็นเป็น
องค์รวมเดียวกัน....ณ.เวลาอ้างอิงเดียวกันในปัจจุบันแห่งวัตถุ...

และถ้าเราจินตนาการอีกว่าคราวนี้...มีดวงอาทิตย์....แสงที่เรามองเห็นยามค่ำคืน
ก็เป็นอันตรกิริยาของแสงดวงอาทิตย์และแสงจากดวงดาวเหล่านั้น....และถ้าเรา
จินตนาการลึกลงไปอีกเราก็จะเห็นว่า....ดวงอาทิตย์มีแสงอื่นอีกหรือไม่นอกเหนือ
จากคลื่นความถี่ที่ประกอบเป็นแสงสีขาว.....

และเมื่อเรามองใกล้เข้ามาในสมองเรา....เราจะเห็นว่าข้อมูลที่เก็บบนสมอง...
เหมือนกับดาวบนฟ้า...เป็นการบันทึกเรื่องราวมากมายหลากหลายทั้งร่องรอย
แห่งอดีต...ยังรวมไปถึงความไฝ่ฝันแห่งอนาคต....ก่อเกิดรูปการใหม่ทางความคิด..ณ.
เวลาอ้างอิงปัจจุบัน...

ร่องรอยแห่งเหตุการณ์ของอดีต....และร่องรอยแห่งความคิดคำนึงของอนาคต....มันก่อ
รูปการได้อย่างไร...ในกระบวนการดำรงอยู่ทางความคิดของมนุษย์....

และด้วยหลักการทางฟิสิกส์....การก่อรูปการทางวัตถุ....ล้วนแล้วต้องสัมพันธ์กับ
พลังงานและทิศทางแห่งการเคลื่อนที่....

ไม่เว้นแม้แต่ระบบความเร็วต่ำ....หรือการเคลื่อนที่ในกรอบเฉื่อย....เช่นกฎของ
แบร์นุยยี...ที่นำมาประยุกต์หลักการสร้างปีกเครื่องบินในการไหลของไหลที่มีความ
เร็วต่างกัน....หรือในหลักการของแอโร่ไดนามิกส์....ฯลฯ....แม้แต่ในระบบสังคม..
เราก็จะให้คำอธิบายที่ละเอียดเพิ่มขึ้น...ถึงการก่อรูปการทางวัตถุ....เช่นการ
หมุนตามร่องรอยเดิมของกรอบความคิดก็ทำให้เรากลายเป็นอดีตไปเมื่อรอบข้างมีการ
เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง....

หลักการพื้นฐานของ...ทฤษฎีฟิสิกส์ระบำปลายเท้า(TOE) จะทำให้เราค้นคว้าราย
ละเอียดในสรรรพวิชาต่างๆ....บนทิศทางที่ถูกต้อง....และเข้าใจถึงองค์รวมแห่งสรรพ
สิ่งบนจักรวาลนี้....ที่ต่างล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน......

..................................