วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2550

กระบวนทัศน์องค์รวมพหุภาพ(7)

ที่ประชุมจึงลงมติ...ให้ความเห็นชอบและถือเป็นความเป็นจริงแท้ทางวัตถุวิสัย(objective reality )

และมีโทรเลข ของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ไปถึงไอน์สไตน์....
มีการตีพิมพ์ เผยแพร่ผลการตรวจวัดพิสูจน์ทฤษฎีไอน์สไตน์ไปทั่วโลก....

ปี ค.ศ.1921 ไปเยือนสหรัฐอเมริกา...เป็นครั้งแรกและได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ...
ปี ค.ศ.1922 ได้รับรางวัลโนเบล...สาขาฟิสิกส์ ในเรื่อง ปรากฏการณ์โฟโต้อิเล็กตริก...

อีก 10 ต่อมา คือในปี 1932 เดินทางไปที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ...และเข้าทำงานในสถาบันการศึกษาขั้นสูง พรินท์ตัน รัฐนิวเจอร์ซี่....


ระยะนี้ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคนาซี ขึ้นมามีอำนาจในเยอรมนี....ทำการกวาดล้างชาวยิวที่อยู่ในเยอรมนี บ้านของไอน์สไตน์ เป็นเป้าหมายทหารนาซีเข้ารื้อค้นเผาทำลายเอกสารหนังสือต่างๆของไอน์สไตน์...รวมทั้งการหาตัว ไอน์สไตน์ ที่นาซีกล่าวว่าเป็นผู้สนับสนุนลัทธิไซออนนิสม์...


1939 ไอน์สไตน์ยื่นจดหมายถึง ประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ เรียกร้องให้ สร้างระเบิดอะตอม..

1940รับสัญชาติเป็นอเมริกัน...

1941 สงครามโลกครั้งที่2ระเบิดขึ้น....และยุติในปลายปี 1944.....
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต...ไอน์สไตน์ถูกจับตาจากเอฟบีไอ...ด้วยข้อหาว่าเอียงซ้าย.และ ในเดือนเมษายน 1955 ไอน์สไตน์ เสียชีวิตที่ พรินท์ตัน...รัฐนิวเจอร์ซี


อีก7 ปี ต่อมา
18 พฤศจิกายน 1962 ศาสตราจารย์ที่พรินท์ตัน อีกคน....นิลส์ บอห์ร ก็ได้เสียชีวิตลงที่ บ้านคาร์ลเบอร์ก ...ในเดนมาร์ก...

อันเป็นการจบชีวิต....2 ผู้นำความคิดในทางทฤษฎีด้านวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิกทฤษฎีสัมพัทธภาพ และทฤษฎีควอนตัม...

เมื่อพระเจ้ามิได้เล่นลูกเต๋ากับชีวิต......!!!
และกับการโต้แย้งด้วยมิตรภาพเพื่อขยายการรับรู้ของผู้เฒ่าสองต่อพรมแดนวิทยาศาสตร์....ที่ยังคาราคาซังอยู่จนถึงปัจจุบัน...!!!

................................


จากผลของปฏิกิริยาในโลกจิ๋วแห่งอนุภาค......ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์บนโลกต้องกระเทือนและพลิกผันเปลี่ยนแปลง...

อะตอม...พลิกผันประเทศอเมริกาทะยานขึ้นสู่มหาอำนาจของโลก...

ก่อนที่จะมีการทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูก....ในปลายปี 1945...
สงครามโลกในช่วงเวลานั้น....

ฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นฝ่ายรุกอย่างทั่วด้านในทางยุทธศาสตร์.....แนวรบทั่วไปเช่นยุทธนาวีที่เกาะมิดเวย์สัมพันธมิตรถล่มกองเรือญี่ปุ่นแหลกยับเยิน....นายพล ยามาโมโต ที่เคยบัญชาการถล่มเพิร์ล ฮาร์เบอร์ เสียชีวิต สร้างความตื่นตระหนกให้กับกองทัพญี่ปุ่น...

กองรถถังเยอรมนี ที่ถือว่าเป็นกำลังแข็งแกร่งที่สุดนำโดยนายพลรอมเมล ถูกกองกำลังสัมพันธมิตรถล่มยับเยิน....
กองทัพแดงของโซเวียต รุกคืบกำลังจะเข้ายึดเยอรมนี

ฝ่ายอักษะก็แตกระส่ำ.....กองกำลังญี่ปุ่นก็ถูก กองกำลังของกองทัพแดงที่นำโดยเหมาเจ๋อตงและเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับเจียงไคเช็ค...รุกตีโต้กองทัพญี่ปุ่น..

ในเกาหลี ฝ่ายซ้ายมีกำลังที่เข้มแข็ง นำโดยกิมอิลซุง...กำลังขยายตัวไปสู่การตั้งสาธารณรัฐแดง....

เวียดนาม....ลาว...เขมร...มีการเคลื่อนไหวปลดแอกจากจักรพรรดินิยม.....

ในยุโรปตะวันออก...หลายประเทศ เช่น ออสเตรีย ฮังการี เช็กโกสโลวาเกีย ยูโกสลาเวีย โรมาเนีย เป็นต้นอิทธิพลของกระแสการต่อสู้เพื่อปลดแอกจากจักรพรรดินิยม...รุกลามไปทั่วหมดในโลก...

ในจีน....เขตุอำนาจรัฐแดงกลายเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ...และกองทัพแดงใกล้จะได้ชัยชนะเด็ดขาด....

สถานะการณ์เหล่านี้...จึงเป็นสถานการณ์ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะ อเมริกา จึงต้องลงมือชิงชัย....

และเป็นเงื่อนไขสำคัญหนึ่งในการทิ้งระเบิด...ถึงสองลูก...
ที่ไม่เพียงแค่การทดลองระเบิดจากพลูโตเนียม

และก็เป็นสาเหตุที่รวมไปถึงการพัฒนาระเบิดไฮโดรเจนต่อ.....ในความทะเยอทะยานของอเมริกา....ที่ดิ้นรนเพื่อการเป็นผู้นำของโลก....

สัมพันธมิตร บุกยึดเยอรมนี....ขณะที่ฝ่ายโซเวียต บุกยึดอีกครึ่ง.....จึงเกิดเยอรมนีตะวันตก เบอร์ลินตะวันตก กับเยอรมนีตะวันออก และเบอร์ลิน ตะวันออก

หลังสงคราม.....อะตอม ทำให้กองทัพอเมริกา...ขยายไปทั่วโลก...

เช่นกันกับสินค้า....จากเมดอินเยอรมนี หรือไม่ก็เมดอินยูไนเต็ดคิงดอม ก็กลายเป็น เมดอินยูเอสเอ...ที่ดูแปลกหูแปลกตาคนไทย...

วงไพบูลย์ในไทยที่แตกสลายลงหลังสงคราม ไทยเราก็มีมหามิตรใหม่..มาควบคุมในรูปที่ปรึกษาทุกอย่าง....แม้แต่การออกใบสั่งการปฏิวัติ...

ทั้งหมดล้วนเกิดจากอำนาจ...อะตอม..!!!


สัมพัทธภาพ และ ควอนตัม


กรอบแนวคิดของทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์...อันมีการพัฒนามาจากทฤษฎีของนิวตันในการหากฎเกณท์การเคลื่อนที่ของสิ่งต่างๆ...

ไอน์สไตน์ ได้ใช้ชุดสมการ การแปลงค่าของ....เอช. เอ. ลอเรนท์ซ ชาวเนเธอร์แลนด์ มาเป็นพื้นฐานในการอธิบาย ในทฤษฎีสัมพัทธภาพ ถึงความสัมพันธ์ต่างๆของ การเคลื่อนที่...

ระหว่าง ความสัมพันธ์ของมวล พลังงาน และเวลา ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปภายใต้การเคลื่อนที่ และการสังเกตุของผู้สังเกตุที่อยู่ในกรอบอ้างอิงหนึ่ง

ภายใต้การถือว่าความเร็วแสงเป็นค่าคงที่และเป็นความเร็วสูงสุด
จากความสัมพันธ์เหล่านั้น นำไปสู่...สมการ ที่โด่งดัง คือ E=MC²

อันมีข้อสรุปกว้างๆกล่าวคือ...

ขนาดของวัตถุ...ในระบบความเร็วสูง เมื่อเปรียบเทียบระบบความเร็วต่ำ จะหดสั้นลงหรือมีขนาดสั้นลง....

มวล จะมีค่าสูงขึ้น..เมื่อมีความเร็วเพิ่มขึ้น...และจนถึงอนันต์เมื่อความเร็วเท่าแสง

เวลา ของระบบที่มีความเร็วสูงจะช้าลงเมื่อเปรียบเทียบเวลาระบบความเร็วต่ำกว่า...หรือใช้เวลาน้อยกว่า

และจากการทดลอง ปรากฏการณ์โฟโต้อิเล็กตริก ......ไอน์สไตน์ให้คำอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่างมวลและพลังงานที่แปรเปลี่ยนไปมา โดยอธิบายว่า มวลของอิเล็กตรอน เปลี่ยนแปลงเป็น พลังงาน หรือโฟตอน ภายหลังเกิดการชนกัน กับโพรสิตรอน หรือ อิเล็กตรอนที่มีประจุบวก....และทำนองเดียวกันโฟตอน ก็แปรเปลี่ยน กลับมาเป็นอิเล็กตรอนได้....และการทดลองนี้เพื่อยืนยันว่าแสงเป็นทั้งคลื่นและอนุภาค...

ในกรอบ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป...ไอน์สไตน์ ได้อธิบายถึงสนามแรงโน้มถ่วงว่า...เกิดขึ้นจากการที่วัตถุมีมวลที่ดำรงอยู่ในที่ว่าง และวัตถุเหล่านี้ก่อให้เกิดสนามแรงขึ้นในที่ว่างรอบตัว หรือก่อให้เกิดการโค้งงอในกาลาวกาศ เช่นเดียวกันกับสนามแรงแม่เหล็กไฟฟ้า....

ดังนั้นการเคลื่อนที่ของวัตถุ ไม่มีการเคลื่อนที่สัมบูรณ์แบบนิวตัน เช่น การเคลื่อนที่ของดวงดาว ต่างๆ...จึงเป็นไปตาม การโค้งงอของสนามแรงเหล่านั้น....และตามการประกอบกันขึ้นเป็นคอนตินิวอัมของอวกาศและเวลาเหล่านั้น

มิติที่ 9 องค์รวมพหุภาพ



ขอตัดเข้า มิติที่9 องค์รวมพหุภาพ อันเป็นมิติสุดท้ายในการนำเสนอแนวคิดใหม่ๆเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ทางความคิด....เรื่องที่ยังค้างอีกเรื่องคือ กลศาสตร์การเคลื่อนที่ของ ผี......คงต้องไว้ไปกล่าวถึงในตอนต่อๆไปถ้าหากมีเวลาเรียบเรียง....( ท่านลองอ่านดูในกระทู้ที่ชื่อว่า...พิมพวดี : สื่อวิญญาณ ไปพลางๆก่อน อันเป็นแนวคิดเบื้องต้นกลศาสตร์การเคลื่อนที่ของผี...ช่วงนี้ผู้เขียนขอเวลาเรียบเรียง ...ประเด็นปัญหากำลังฮ็อตฮิตในบ้านเมืองก่อน คือ เรื่องระบอบธรรมธิปไตย...อันเป็นการวิเคราะห์แบบเศรษฐศาสตร์การเมืองในรูป..องค์รวมพหุภาพทุน.....และปัญหานวัตกรรมทางการเมืองและสังคม.....)

จากที่ได้กล่าวมาแล้วถึง มิติต่างๆ อันได้แก่มิติที่ 5 เงา ,มิติที่ 6 วงแหวน ,มิติที่7การทับซ้อนทางกายภาพ ,มิติที่8การทับซ้อนของเวลา และมิติที่9 องค์รวมพหุภาพ

มิติองค์รวมพหุภาพ ถ้าท่านที่ได้ติดตามมาแต่ต้นในการนำเสนอความคิดก็คงเข้าใจความหมายคำว่าองค์รวม(holistic) คืออะไร...มิตินี้จะเป็นการทำความเข้าใจในคุณสมบัติที่เกิดจากการประกอบกันขึ้นของหลายระบบ...หลายมิติ...ประกอบเป็นคุณสมบัติใหม่แห่งองค์รวมรูปการทางวัตถุใดๆ...ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับหน่วยย่อยอันเป็นส่วนประกอบในองค์รวมนั้นๆ....

มิติ (dimension) ดังได้อธิบายมาตั้งแต่การนำเสนอแนวคิดในตอนต้นๆแล้ว...อันหมายถึงกรอบหรือขอบเขตุในการตรวจวัดการดำรงอยู่ของวัตถุในระบบหนึ่งๆที่เข้าไปแทนที่ในที่ว่างสมมติ(space)

จากเดิมที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประกอบไปด้วย4 มิติ อันได้แก่ ความกว้าง ความยาว ความหนา และเวลา ที่ประกอบขึ้นเป็นความต่อเนื่อง (continoum)ของกาลาวกาศ (spacetime)ภายใต้การตรวจวัด แบบ4 มิติ

การบังเกิด , การอุบัติขึ้น ของรูปการทางวัตถุใดๆย่อมมีความสัมพันธ์กับ เวลา ที่เป็นหน่วยอ้างอิงในการตรวจวัดและยังสัมพันธ์กับผู้ตรวจวัดหรือผู้สังเกตุ....

การบังเกิด...การอุบัติขึ้นหรือการก่อรูปการใดๆทางวัตถุ จึงเป็นการวัดค่าเวลา...จากจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดสิ้นสุดในระบบหรือในกระบวนการใดกระบวนการหนึ่ง.....

เวลาจึงเป็นมิติหนึ่ง...ที่เรานำมาใช้ในการเปรียบเทียบการดำรงอยู่ของสิ่งต่างๆบนที่ว่างกาลาวกาศสมมติแห่งระบบและมีพัฒนาการไปภายใต้ความต่อเนื่องของเหตุการณ์อันสัมพันธ์กับผู้สังเกตุ...

การจำแนกความแตกต่างในการก่อรูปการใดๆของสรรพสิ่ง ขอบเขต (scope) และกรอบอ้างอิง (reference frame)ใดๆจึงมีความสัมพันธ์กับผู้สังเกตุ และ สัมพันธ์กับสิ่งที่เราเรียกว่า สัมพัทธ์ และสัมบูรณ์ อันอยู่ภายใต้กรอบและขอบเขตุอ้างอิง.....

ในแบบวิธีการตรวจวัดทางคณิตศาสตร์....เราอาจจะตรวจวัดได้ตั้งแต่ 1 มิติ เช่น การตรวจวัดเพื่อหาค่าหนึ่งค่าใด เช่นการตรวจวัดในกรอบการสังเกตุด้วยสายตา หรือในเรขาคณิตแนวแบนแบบโบราณที่กำหนดว่าจุด คือสิ่งที่ไม่มีความกว้าง ความยาว ความสูง

แต่ถ้าเรามองโลกแห่งอนุภาค....จุด ที่เรากล่าวถึง เช่นจุดดินสอ ล้วนมีการดำรงอยู่ของอะตอมกว่า3พันล้านดำรงอยู่ในพื้นที่จุดดังกล่าว....และอะตอมเล็กๆเหล่านี้ สามารถที่จะทะลายโลกที่กินเนื้อที่ใหญ่โตในการตรวจวัดด้วยสายตาของเราได้ในพริบตา.....

พลังงานเหล่านี้ดำรงอยู่....

ในทางคณิตศาสตร์ เราอาจสมมติ ค่าต่างๆเพื่อสร้างแบบจำลองทางเรขาคณิตของวัตถุที่ดำรงอยู่ในที่ว่างสมมติ...เช่น ในเรขาคณิต4มิติ การกำหนด แกน x , y ,z และ t ( เวลา) ....

เรายังมี ค่าจินตภาพ ....ค่าในเชิงซ้อน อีกมากมายเพื่อใช้ในการอธิบาย...

แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ในกรอบ4มิติ ยังมีข้อจำกัดอีกมากในการอธิบายถึง...ค่าอนันต์ต่างๆ....ที่เราไม่รู้....

และรูปทรงเรขาคณิต ที่เป็นอนัตตาอันแปรเปลี่ยน ผันแปรตลอดเวลาของสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ในจักรวาล.....อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับคุณภาพแห่งการตรวจวัด...

มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ.....เป็นการประกอบกันขึ้นขององค์รวมในการก่อรูปการทางวัตถุภายใต้ระบบเชิงซ้อน(complex)หลายระบบเช่น...ระบบรูปการทางกายภาพ...และระบบรูปการทางจิตวิญญาณ..

พลังงาน ความเร็ว การเคลื่อนที่ ตำแหน่งแห่งที่ การดำรงอยู่ ย่อมแตกต่างกันในระบบทั้งสอง..
ระบบพลังงานที่สูงกว่าย่อมครอบคลุม อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของระบบพลังงานต่ำกว่า....

ไม่มีความคิดเห็น: