การวิเคราะห์ในแบบเศรษฐกิจการเมือง
ในการวิเคราะห์แบบทฤษฎีของค่ายสังคมนิยม หรือทฤษฎีวัตถุนิยมวิภาษ จะมีแบบวิธีวิเคราะห์ กว้างๆคือ รากฐานทางเศรษฐกิจ และโครงสร้างชั้นบน
รากฐานทางเศรษฐกิจ หรือพื้นฐานทางเศรษฐกิจ จะประกอบไปด้วยส่วนหลักๆ2ส่วนคือ....พลังการผลิต และความสัมพันธ์ทางการผลิต
พลังการผลิต จะวิเคราะห์ถึง คน และ เครื่องมือการผลิต หรือการเปลี่ยนแปลงไปของคน และสภาพแวดล้อมภายใต้การเปลี่ยนไปของกระบวนการผลิตต่างๆ....
ความสัมพันธ์ทางการผลิต จะวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของคนในการถือครองปัจจัยการผลิตต่างๆ....ระบบแห่งสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป...
ทั้งหมด กล่าวโดยรวมๆจะเรียกว่า การศึกษาวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์....โดยมีรากฐานแห่งการคิดคือปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษที่มีหลักสำคัญคือวัตถุกำหนดจิต การปฏิบัติเป็นพื้นฐานความรู้เป็นต้น..... และเอกภาพของด้านตรงข้ามหรือทวิลักษณะหรือทฤษฎีวิภาษวิธี
การวิเคราะห์ในเรื่องทุน....ในแบบวิธีการวิเคราะห์แบบนี้จะเน้นการวิเคราะห์ชนชั้นของทุน....หรือสรุปกว้างๆได้ว่ากระบวนความคิดใดๆมีการดำรงอยู่ของชนชั้น....ระหว่างชนชั้นที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ
บนพื้นฐานของปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษ ที่มีหลักการว่าการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งเกิดจาก การเปลี่ยนแปลงของเอกภาพด้านตรงข้ามโดยมีเหตุภายนอกเป็นเงื่อนไข และเหตุภายในเป็นมูลฐานการเปลี่ยนแปลง เหตุภายนอกก่อบทบาทโดยเหตุภายใน......
ด้วยเหตุนี้...นักทฤษฎีของค่ายนี้ที่ยึดถือทฤษฎีอย่างเหนียวแน่นจึงเสนอแนวทางนโยบายใดๆล้วนมีลักษณะ การสร้างเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดการเร่งการสูญสลายทางชนชั้น.....
เมื่อมีการวิเคราะห์ถึงชนชั้นของทุน....จึงมีการเสนอทิศทางนโยบายอันเป็นการลดทอนลงของการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์....เมื่อมีการถือเอาว่ามนุษย์ที่มีแนวคิดที่เรียกว่าทุนนิยมเป็นเป้าหมายทำลายล้าง.....ด้วยแบบวิธีคิดแบบกลไก...
จึงทำให้เกิดการเฉื่อยชา....เกิดองค์กรขนาดมหึมาที่เทอะทะและเฉื่อยชา.....หรือในกรอบคิดค่ายนี้จะเรียกว่า ความขัดแย้งระหว่างพลังการผลิตและความสัมพันธ์ทางการผลิต...ที่ก่อเกิดเงื่อนไขขัดขวางต่อการพัฒนาของพลังการผลิต.....
ในประเทศจีน ก็ยังยึดถือแนวคิดเช่นนี้...แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดโดยมุ่งยึดถือคนเป็นศูนย์กลาง....
การยึดถือคนเป็นศูนย์กลาง....จึงทำให้...ทุน...ในความหมายแบบมาร์กซิสต์คลาสสิกต้องเปลี่ยนไป....และตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น...
เพราะทุน....แท้ที่จริงแล้วก็คือศักย์...หรือพลังงานศักย์ ใดๆ....หรือศักยภาพใดๆที่แตกต่างกันของมนุษย์....ของกลุ่มทางสังคมของมนุษย์....
ที่ย่อมมีความแตกต่าง ทั้งปัจเจกชน และกลุ่ม
ระบบแห่งการเอารัดเอาเปรียบใดๆ....ล้วนเกิดจากการขาดดุลยภาพอันเกิดจาก ระบบกลไกกลางการแลกเปลี่ยนศักยภาพของทุนที่ดำรงอยู่ในมนุษย์....
กรอบแนวคิดแบบเสรีนิยมเช่นกัน....เมื่อปล่อยให้มีการดำเนินไปของปัจเจกชน...อย่างไร้ทิศทางควบคุม...ก่อให้เกิดกลุ่มที่ทรงอำนาจที่ผูกขาดอำนาจเศรษฐกิจการเมืองไว้ในมือของคนส่วนน้อยในสังคม....และลักษณะอนาธิไตยต่างๆ...อันไม่อาจเกิด.....ทุนแห่งศีลธรรมจรรยา หรือธรรมาธิปไตยของทุนได้....
ดังนั้นเอง...ทุนแห่งศีลธรรมจรรยา กล่าวกว้างๆก็คือทางสายกลาง...ที่เกิดจากการลดลงของทั้งสองขั้วดังกล่าว....ก่อเกิดรูปการใหม่ขึ้นมา....อันก่อให้เกิดดุลยภาพของระบบทุน.....
แบบจำลององค์รวมพหุภาพทุน
ในการวิเคราะห์แบบแยกส่วนย่อย(reduction) จะเห็นได้ว่าหน่วยย่อยพื้นฐานเบื้องต้นของทุน(capital ) ที่จริงแล้วก็คือ คน นั่นเอง
ทุน คือศักยภาพที่มีการสั่งสมของมนุษย์ อันประกอบไปด้วยศักยภาพทุนทางกายภาพ และศักยภาพทุนทางปัญญา-จิตวิญญาณ นั่นก็คือคนที่มีการสั่งสมทางวิวัฒนาการ ในทางกายภาพของมนุษย์ และการสั่งสมทางปัญญา-จิตวิญญาณ ตามวิวัฒนาการแบบวิถีชีวิตในทางสังคมมนุษย์
เมื่อทุน ก็คือ คน และ คน ก็คือ ทุน การวิเคราะห์ทุนใดๆที่พัฒนารูปแบบมาถึงปัจจุบัน ย่อมแยกไม่ออกจาก ระบบความเชื่อ รูปการจิตสำนึก จิตวิญญาณของมนุษย์
การศึกษาวิจัยในทางสังคมศาสตร์ ทุกชนิด ล้วนเริ่มต้นจากคน....และมีการต่อยอดสาขาวิชาไปมากมายเหลือคณานับ....
หากมิมีการมองในแบบรวบยอด ( deduction) ก็จะไม่เห็นถึง รากฐาน และทิศทาง....และเช่นกันหากมองแบบแยกส่วนโดดๆ( reductionism) และการสรุปรวบยอดโดดๆโดยขาดการเจาะลึกหารายละเอียด( deductionism) ก็จะไม่พบทิศทางและแนวทางที่เป็นรูปธรรม.....
อุดมการณ์ และจุดมุ่งหมาย
นักทฤษฎีทางสังคมศาสตร์โดยทั่วไปแล้วหากกล่าวถึงจุดมุ่งหมายแล้วล้วนมีจุดมุ่งหมายในการก่อให้เกิดสภาวะดุลยภาพของมนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงสังคม...
ในปัจจุบันหากแยกประเภทใหญ่ๆกว้างๆในเชิงอุดมการณ์ได้แก่...
-อุดมการณ์แห่งลัทธิเสรีนิยม
-อุดมการณ์แห่งสังคมนิยมแบบอเทวนิยม
-อุดมการณ์แห่งสังคมนิยมแบบเทวนิยม
ในแบบเสรีนิยม อันมีจุดมุ่งหมาย เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ภายใต้หลักคิดแห่งการมีเสรีภาพของปัจเจกชน ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เกิดการขยายศักยภาพทุนภายใต้การแข่งขัน....หากแต่ว่าเมื่อขาดทิศทางแห่งการสร้างลักษณะร่วมขององค์รวมพหุภาพเหล่านั้น....อันไม่ต่างจากองค์รวมที่ประกอบเป็นมนุษย์ที่ประกอบด้วยองคาพยพของหน่วยย่อยต่างๆที่เป็นอิสระ....แต่ก็ยังมีลักษณะร่วมเพื่อการพัฒนาร่วมกัน.....
เสรีภาพ ที่มีในเชิงกายภาพและจิตวิญญาณ โดยขาดการควบคุมทางจิตวิญญาณ.....ก็ก่อให้เกิด....อนาธิปไตยแห่งทุน...อันเป็นการทำลายเอกภาพแห่งองค์รวม....
ในแนวคิดแบบสังคมนิยม ในแบบอเทวนิยม และแบบเทวนิยม รูปแบบหลักคือการใช้รูปแบบศรัทธานิยมเป็นหลัก....อุดมการณ์แห่งการควบคุมในทางจิตวิญญาณอย่างเข้มข้น.....
ในการควบคุมอย่างเข้มข้นเพียงอย่างเดียว....จึงก่อให้เกิดการทำลายความมีเสรีภาพแห่งการสร้างสรรค์ หรือส่งเสริมให้เกิดศักยภาพสูงสุดของทุน....
เมื่อทุน....ก็คือ คน.....หรือศักย์ที่ดำรงอยู่ในคน
เมื่อคน...ต่างล้วนมีรูปการแห่งความเชื่อ ที่แตกต่างกัน....ไม่มีแม้แต่คนเดียวในโลกที่เหมือนและเท่าเทียมกันทุกประการ......
เมื่อ อุดมการณ์ ที่ตั้งบนพื้นฐานทฤษฎีและการปฏิบัติอันไม่สอดคล้อง....เป้าหมายและอุดมการณ์...ก็ต้องเป็นเพียงแค่ความฝันลมๆแล้งๆ....
และในทางตรงข้าม เป็นการทำลายล้างมวลมนุษยชาติ....
แน่นอนที่สุด...เป็นการทำลายทุน...
เมื่อทุนคือคน....และจุดมุ่งหมายของผู้คน....ต่างล้วนแสวงหาความสุขที่ตนพึงพอใจ.....
แนวคิดทฤษฎีและแบบวิธีการวิเคราะห์ทางสังคม
แนวคิดทฤษฎีและแบบวิธีการวิเคราะห์ทางสังคมเพื่อศึกษาสังคมไทยโดยทั่วไปจำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ดังนี้
1. การวิเคราะห์แบบแยกส่วนย่อย และแบบสรุปรวบยอด จะจำแนกเป็นประเภทกว้างๆดังนี้
- แบบวิธีวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ
- แบบวิธีวิเคราะห์ทางการเมือง
- แบบวิธีวิเคราะห์ทางสังคมและมานุษยวิทยา
- แบบวิธีวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์
- แบบวิธีวิเคราะห์ทางจิตวิทยาสังคม
- แบบวิธีวิเคราะห์ด้านโครงสร้าง
- แบบวิธีวิเคราะห์ด้านบุคลิกภาพและจิตใจ
- แบบวิธีวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
- แบบวิธีวิเคราะห์ในแนววิวัฒนาการ เป็นต้น
ในแบบวิธีวิเคราะห์ทางทฤษฎีทางเศรษฐกิจ ของนักเศรษฐศาสตร์ จำแนกได้กว้างๆดังนี้
- กลุ่มคลาสสิก ได้แก่ ทฤษฎีพัฒนาการเศรษฐกิจ ของอดัม สมิท (1723-1790)ถือเป็นOriginal ในทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ของโลก เดวิด ริคาร์โด (1772-1823) และจอห์น สจ๊วต มิลล์ เป็นต้น
- กลุ่มคัดค้านคลาสสิก ได้แก่ คาร์ล มาร์กซ (1818-1883)
- กลุ่ม นีโอ-คลาสสิก เช่น อัลเฟรด มาร์แชลล์ กลุ่มออสเตรีย (the Austrian School) กลุ่มMathematical School มีอิทธิพลระหว่าง 1870-1935
- กลุ่มคัดค้าน นีโอ-คลาสสิก ได้แก่ โจเซฟ ชุมปีเตอร์ จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ Roy F.Harrod และEvsey D.Domar เป็นต้น รวมไปถึงแนวคิดนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปในปัจจุบัน
- กลุ่มคลาสสิกใหม่ (new clas-sical )
แนวนโยบายทั่วไปของรัฐโดยทั่วไปจะยึดแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจจากแนวคิดดังกล่าวข้างต้น
2. การวิเคราะห์แบบสหวิทยาการ หรือแบบบูรณาการ ได้แก่
- แบบวิธีวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม ในแบบวิธีวิเคราะห์แบบนี้ เช่น แบบวิธีวิเคราะห์แบบมาร์กซิสต์ ถือเป็นแบบแรกในการนำเสนอแนวคิดในการวิเคราะห์แบบนี้โดยมีรากฐานทางทฤษฎีวัตถุนิยมวิภาษ เป็นหลักในการวิเคราะห์
หากแต่ว่ากรอบวัตถุนิยมวิภาษแบบมาร์กซิสต์คลาสสิก นั้นจะเป็นในรูป การวิเคราะห์แบบทวิลักษณะในแบบกลไก เช่น การยึดถือเอาชนชั้นอันเป็นนามธรรมคือชนชั้นกรรมาชีพที่ไร้สมบัติ ไม่มีความคิดเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีการขูดรีด เป็นชนชั้นที่มองแบบกลไกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด มีจิตใจเสียสละที่สุด ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว ฯลฯ
หรือสรุปง่ายๆ ก็คือ พระเจ้านั่นเอง จินตภาพ กรรมาชีพ ก็ไม่ต่างจากพระอรหันต์ ในศาสนาพุทธ และพระเจ้าในศาสนา อื่นๆ
นั่นคือการถือเอา อุดมคติ หรือเป้าหมายในเชิงอุดมคติ มาเป็นแบบวิธีการกำหนดแนวทางนโยบายในการแปรเปลี่ยนมนุษย์ โดยแนวทางการสูญสลายชนชั้นแบบกลไก
แต่ทฤษฎีของมาร์กซ ได้สร้างคุณูปการให้แก่ชาวโลกหลายประการเช่น การเกิดแนวคิดรัฐสวัสดิการ ในประเทศอุตสาหกรรม การดูแลเอาใจใส่แก่คนงานเพิ่มขึ้น และทฤษฎีมาร์กซ ถือเป็นต้นแบบการวิเคราะห์แบบสหวิทยาการแม้ว่าจะเป็นในแบบกลไกแต่เนื่องจากเกิดขึ้นมานับร้อยปีแล้ว
3.การวิเคราะห์แบบองค์รวม ในแบบวิธีการวิเคราะห์ แบบนี้จะต้อง ถือความสัมพันธ์ของทุกส่วนนั้นเกี่ยวข้องกัน
เพื่อเสนอ model ( ตัวแบบ) ในการวิเคราะห์ลักษณะสังคมไทยและเป็นแนวทางในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ดังที่ได้นำเสนอมากว้างๆ ในปัญหาเรื่องทุน ซึ่งจะเป็นหน่วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจการเมืองในสังคม
การวิเคราะห์แบบองค์รวม จะต้องวิเคราะห์ ถึงความสัมพันธ์ ระหว่าง องค์รวมของทุนหรือศักยภาพทุนทางกายภาพและศักยภาพทุนทางปัญญาและจิตวิญญาณของมนุษย์ ที่มีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่นธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ และสังคม
การวิเคราะห์รูปแบบการพัฒนาไปของกลไกกลางการแลกเปลี่ยนทางศักยภาพของทุน ระบบที่มีดุลยภาพของกลไกกลางการแลกเปลี่ยน หรือระบบดุลยภาพของทุน เป็นต้นเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ที่ก่อให้เกิดดุลยภาพทางเศรษฐกิจการเมืองและสังคม
การพัฒนาคิดค้นรูปแบบการสร้างมูลค่าให้กับทุน เช่น ทุนทางวัฒนธรรม และทุนทางสังคมต่างๆเพื่อก่อให้เกิดดุลยภาพ และเกิดการสะสมทุนเพิ่มขึ้นของกลุ่มที่ขาดดุลยภาพทางทุนในสังคมไทยเช่นชาวนาชาวไร่ในชนบทไทย อย่างเป็นรูปธรรม
ชาวนาชาวไร่ ที่เพิ่งหลุดพ้นจากความไร้อิสระภาพในการสะสมทุนจากระบบไพร่ มาเพียงแค่ชั่วไม่กี่อายุคน คือเพียงแค่ร้อยกว่าปี จากที่ต้องทำงานให้มูลนายในสังกัดเป็นปี ลดลงเหลือ 6เดือนต่อปี และมีการยกเลิก แต่แบบวิถีชาวบ้านในชนบทก็ยังมีการเกณท์แรงงานเช่นกันหากแต่ว่าเป็นความสมัครใจ นอกจากจะมีระบบการผลิตที่ต้องพึ่งพิงธรรมชาติเป็นหลักและต้องทำงานอย่างหนักแต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาผลผลิต
จากประวัติศาสตร์ที่ยากจน ปัจจุบันก็ยังยากจน และอนาคตก็ยังจะยากจนต่อไป ถ้าไม่มีการสร้างเสริมให้เกิดดุลยภาพแห่งทุน
เมือง ที่บริโภคทรัพยากรส่วนใหญ่ของประเทศ ขณะที่ชนบท ขาดแคลน จึงก่อให้เกิดการขาดดุลยภาพอย่างหนักในประเทศ ระบบรวมศูนย์ที่เมืองใหญ่ และกระจายไปเมืองบริวาร ไปจนถึงหน่วยสุดท้ายหมู่บ้านในชนบท
เช่นคนเมืองใหญ่ มีการบริการทางการแพทย์ที่ดี เป็นศูนย์รวมการคมนาคมขนส่ง ส่วนเมืองเล็กๆก็เป็นเมืองบริวาร เช่นถ้าจะขึ้นเครื่องบินก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเมืองใหญ่เพิ่มขึ้น จึงก่อให้เกิดการกระจุกตัวในเมืองใหญ่ และพ่อค้าในเมืองจึงเป็นผู้ที่มีการสะสมเงินทุนได้สูง
ภายใต้ระบบการเมืองที่ผูกขาดอำนาจก่อให้เกิดการเติบโตของกลุ่มพ่อค้า กลุ่มมาเฟีย และระบบผู้รับเหมาก่อสร้างที่บริหารจังหวัดที่ผลาญงบประมาณแผ่นดินในการบริหารท้องถิ่น เป็นต้น
ขณะที่ระบบการผลิตที่ล้าหลังในชนบท ระบบการทำนาที่อาศัยธรรมชาติเป็นหลัก โดยมีที่ทำการเกษตรที่เป็นที่ทำนาเป็นหลัก แยกออกไปจากบ้านพักอาศัยซึ่งจะเป็นชุมชนเป็นหมู่บ้าน ทำให้การปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบผสมผสานลำบาก และต้องลงทุนสูงในการปรับปรุงที่นา ในการโยกย้ายที่อยู่อาศัย ปัญหาความปลอดภัยต่างๆเป็นต้น จึงทำให้การผลิตไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงตนเองได้และก่อเกิดปัญหาหนี้สิน ปัญหาการอพยพหางานทำในเมือง การแตกสลายของครอบครัว เป็นต้น
แนวทางการปรับเปลี่ยนและมีการค้นคิดนำใช้ทุน ทางวัฒนธรรม ทางสังคม ทางการสั่งสมภูมิปัญญา ให้กับชาวนาชาวไร่ พร้อมๆกับการช่วยเหลือด้านเงินทุนเบื้องต้นเพื่อก่อให้เกิดการสร้างผลิตผล จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่ก่อให้เกิดการเพิ่มพูนขึ้นทางศักยภาพทุนของกลุ่มชาวนาชาวไร่ในสังคมที่ขาดศักยภาพทุนมาตลอดในรูปเงินลงทุน
ระบบกลไกกลางการแลกเปลี่ยนศักยภาพแห่งทุนใดๆที่ก่อให้เกิดดุลยภาพ ย่อมเป็นกลไกของระบบรัฐแห่งธรรมาธิปไตย
ระบอบทุนนิยมแห่งสังคม
SOCIAL - CAPITALISM
…………………………………
ทุน ( Capital ) :
นิยามและความหมาย
กระบวนการวิเคราะห์พื้นฐานในทางสังคมเพื่อให้เห็นถึงทิศทางแห่งการพัฒนาไปทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ล้วนแล้วก็คือการวิเคราะห์ถึงโครงสร้างแห่งความสัมพันธ์ต่างๆของทุนภายใต้การวิวัฒนาการไปสังคมนั้นๆ
ความหมายของคำว่า ทุน ดังได้กล่าวมาแล้ว...อันหมายถึงศักยภาพที่มีการสั่งสมมาในทางกายภาพและทางจิตวิญญาณของมนุษย์ในสังคม...
ในความหมายที่กล่าวมานี้ย่อมแตกต่างจาก แนวคิด ทวิลักษณะกลไกแบบมาร์กซิสต์ ที่ให้คำอธิบายว่าทุนก็คือแรงงาน....ภายใต้การใช้แรงงานของชนชั้นกรรมาชีพ แรงงานส่วนเกินของชนชั้นกรรมาชีพก่อเกิดมูลค่าส่วนเกินและเกิดการสะสมทุนของชนชั้นนายทุนที่ขูดรีดและเอาเปรียบสร้างความมั่งคั่งและก่อเกิดชนชั้นนายทุน...
ในความหมายในที่นี้ จะอธิบายให้เห็นว่า ที่จริงแล้วทุนก็คือการสั่งสมแห่งศักยภาพที่ดำรงอยู่อันแตกต่างกันของมนุษย์
ทั้งในทางศักยภาพทางกายภาพและศักยภาพทางปัญญาและจิตวิญญาณอันเกิดจากการเรียนรู้ที่สั่งสมมาในกระบวนการทางสังคม
ในความแตกต่างแห่งศักยภาพเหล่านี้ของคนที่ไม่เท่าเทียมกันอย่างสัมบูรณ์บนโลก อันเป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งในจักรวาลที่ดำรงสถานะความเป็นเอกเทศอย่างสัมพัทธ์
ภายใต้ความแตกต่างเหล่านี้ ก่อให้เกิด กลไกกลางแห่งการแลกเปลี่ยนศักยภาพทุน ที่พัฒนามาเป็นระบอบการเมืองการปกครอง ระบอบเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม กฏเกณท์ต่างๆ บรรทัดฐานทางสังคม รูปการทางจิตสำนึก-จิตวิญญาณต่างๆ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น เด็กทารกแรกเกิดในประเทศจีน หากเกิดมาเป็นเด็กชาย จะมีศักยภาพทางกายภาพที่สูงกว่า เด็กหญิง และมีมูลค่าในการแลกเปลี่ยนศักยภาพแห่งทุนสูงกว่า เด็กหญิง
จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า แค่เด็กร้อง อุแว้ ...ก็มีมูลค่าสูงกว่าแล้วหาได้ใช้แรงงานส่วนเกินอะไรไม่..
ทุนแห่งศักยภาพทางกายภาพของเด็กที่ดำรงอยู่ ก่อเกิดมูลค่าได้ ที่มีมูลค่าสูงกว่าเด็กหญิง ย่อมเกิดจาก สิ่งที่เรียกว่า องค์รวมพหุภาพแห่งทุนในทางสังคม...
องค์รวมพหุภาพแห่งทุนในทางสังคม ก็คือองค์รวมแห่งการสั่งสมศักยภาพแห่งทุนในสังคมนั้นๆที่มีมานับแต่อดีต ปัจจุบัน และทิศทางแห่งอนาคต
การก่อรูปการองค์รวมทางวัตถุใดๆของสรรพสิ่ง ล้วนดำรงไว้ซึ่งร่องรอยแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต ในกระบวนการพัฒนาไปของสิ่งนั้นๆ...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น