วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า15

ฟิสิกส์สุนทรียภาพความงามความรักบนโลกเสมือน
ตอน..ทิศทางการก่อรูปของอารมณ์

ผม...reddragon...ทำการผ่าตัดหัวใจซุนปิน...ต่อ...ก็เอาหัวใจเสมือนใส่เข้าไป
แทน...ไม่มีปฏิกิริยาในการต่อต้านใดๆจากระบบของร่างกายแถมยังใช้งานได้ดีกว่า
เดิมเสียอีก....
งงเหมือนกันครับหัวใจเสมือนกลับใช้งานได้ดี.......อ่านบันทึกจากคลื่นหัวใจที่
ผ่าออกดูต่อครับ....ที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับทิศทางการก่อรูปการ....

ผม...ซุนปิน..เมื่อครั้งเรียนหนังสือใต้ต้นหางนกยูง....ตอนเข้าเรียนวิชาปรัชญา ฟังอาจารย์ท่านหนึ่งบรรยาย...ก็วันๆเอาแต่นั่งจดว่าอาจารย์ที่บรรยายจะหัวเราะ
กี่ครั้ง....

และก็นั่งหัวเราะนับจำนวนครั้งกับเพื่อน....ชั่วโมงหนึ่งเป็นหลายร้อยครั้ง
ครับ...เพราะท่านพูดไปหนึ่งคำ..หนึ่งประโยค..ก็หัวเราะตลอด...อืม อาจารย์ท่าน
อาจมีนิสัยของอารมณ์ดี......

ฟังแนวคิดหลากหลายของปรัชญาเมธีตะวันตกมากมายด้วยความสับสนและมึนงงจากท่าน
บรรยาย...ไม่ว่าจะเป็นความรักสารพัดแบบ....เพราะมันหลากหลายจนผมมึนงงหาหลักการ
ทั่วไปไม่ได้....

และด้วยความขี้เกียจ...และไม่ใส่ใจเรียน...มาอ่านหนังสือก่อนวันสอบวัน
เดียว.....ผลยังไงครับสลึมสลือไปสอบเพราะไม่ได้นอนเลย....ผลไม่ต้องบอกก็คง
ทราบ...ตกแน่นอน..เพราะมันต้องตอบเป็นอัตนัย..ส่งกระดาษเปล่า....แฮ่...น้องๆ
อย่าเอาเยี่ยงอย่างละ....ก็เลยเปลี่ยนมาลงวิชาใหม่เพราะมันเป็นวิชาเลือก
ครับ....

หลังจาก...เหตุการณ์ที่ผันแปรที่ต้องมาศึกษาอย่างหนักอีกครั้งในรอบ4ปี...และไม่
ใช่วิชาอะไรครับ....ก็ปรัชญาอีกแหละ....แต่เป็นปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษ....คราวนี้
ค่อยยังชั่วที่พอจะรู้หลักเกณท์....หรือแบบวิธีคิดหรือกฎเกณท์ทั่วไปในการคิด
มั่ง....

ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องค้นคว้า....ในฐานะที่กฎเหล็กของจิตสำนึกมันบังคับ....ที่
ว่าไม่กลัวลำบากไม่กลัวตาย...ของสมาชิกสันนิบาตเยาวชนและสมาชิกพรรค...

ผม...อายุแค่20 กว่าปีต้องมารับภาระหน้าที่ในการ....เป็นผู้บรรยายทฤษฎี...เรียบ
เรียง...และนำการสัมมนา...ประจำโรงเรียนสำหรับผู้ปฏิบัติงานระดับสูงในเขตุหนึ่ง
ร่วมกับเพื่อนอีก2คน....

ผู้ปฏิบัติงานระดับสูงในเขตุนี้จะต้องมาเข้าเรียน....เดิมที3เดือน...ต่อมาปรับ
ใหม่เป็น1เดือน...หมุนเวียนไปเรื่อย....จนถึงบรรดาผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น
สมาชิกพรรคซึ่งจะต้องมาเข้าเรียน...

หลักสูตร...นอกจากปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษวิธี...ยังมีเรื่องยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของ
สงคราม...การวิเคราะห์สังคมไทยด้วยทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์....การสร้าง
พรรค...ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์..ฯลฯ

ภาระหน้าที่บนพื้นฐานของจิตสำนึก....ที่ต้องทำดังได้กล่าว.....ตั้งแต่เช้าจรด 3
-4 ทุ่มเกือบทุกวัน...ในแต่ละรุ่น..ที่ต้องใช้เวลารุ่นละเดือน....

มีอยู่รุ่นหนึ่ง...เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย 3 คน...ที่เข้าร่วม....อืม..
เด็ก 20 ปีบรรยายและนำสัมมนาอาจารย์ท่านเหล่านี้....เป็นบรรยากาศการศึกษาที่ดี
ครับ...ทุกท่านเข้าใจในภาระหน้าที่ของแต่ละคนและศึกษาซึ่งกันและกันเคารพเหตุและ
ผลบนพื้นฐานแห่งความเสมอภาค....

นี่แหละ.....เป็นบรรยากาศเช่นเดียวกับบนโลกเสมือน......เสรีภาพในการคิดใดๆ...
ก่อเกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเสมอ...

ตรงนี้แหละจึงทำให้ผม...ซุนปิน...เข้าใจคำว่าปรัชญาคืออะไร.....

ปรัชญา...ก็คือหลักหรือกรอบในการคิด...

ไม่มีหลักแห่งการคิด....ก็ไม่ต่างจากไม่มีอาวุธหรือเครื่องมือ(แฮ่...เปรียบ
เทียบเฉยๆ..อย่าไปคิดไกลถึงเรื่องฆ่าแกงกัน)

มีหลักการคิดแล้ว....แต่ไม่มีทิศทาง...หรือวิเคราะห์กรอบแห่งทิศทางไม่ออก...
แล้วจะยิงศรไปได้ตรงเป้าอย่างไร.....

กระบวนทัศน์ใดๆ....ล้วนมีกรอบแห่งทิศทางกำกับ....อยู่ที่จะเลือกกรอบทิศทาง
ไหน....

โธ่....ท่านกามเทพ...ทิศทางอื่นก็มี...ทำไมต้องมาเล็งศรตรงหัวใจผมด้วยละ
ครับ...

ทราบแล้วครับฝีมือท่านแม่นมาก....
อ้าว...ก็เปลี่ยนเป็นหัวใจเสมือนแล้วนี่...จะเจ็บได้ยังไง...!!!

..............................


ทิศทางการก่อรูปการของอารมณ์


จากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์....ที่มีพัฒนาการ
มาถึงทฤษฎีควอนตัม....ที่ค้นคว้าทดลองหาข้อสรุปต่างๆเพื่อหากฎเกณท์ทั่วไปหรือ
ค่าคงที่หรือค่าสัมบูรณ์ใดๆในกรอบอ้างอิง....เพื่อตรวจวัดการประมาณการในการตรวจ
วัดในสิ่งที่กว้างไกลออกไปในจักรวาล....และสิ่งที่เล็กลงไปในโลกทางวัตถุใน
ฟิสิกส์อนุภาคเพื่อหาคำอธิบายในปรากฏการณ์เหล่านั้น....และนำมาประยุกต์รับใช้
มนุษย์....

การวิเคราะห์ภายใต้กระบวนทัศน์แบบแยกส่วนเพื่อตรวจวัดปรากฎการณ์ต่างๆและกรอบแนว
คิดแบบประจักษ์นิยมแบบกลไก...ทำให้เกิดการแยกโลกในทางจิตใจของมนุษย์กลายเป็น
สิ่งที่เรียกว่าอยู่นอกเหนือฟิสิกส์ (meta-physic)....ทั้งๆที่ปรากฎการณ์ทางจิต
เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติ...และก็เป็นไปตามกฎเกณท์ทางธรรมชาติหรือหลักการ
ทางฟิสิกส์....

ความงาม...ความรัก...ความเชื่อ...ศาสนา...ลัทธิ...อารมณ์ต่างนาๆ...ฯลฯ....ล้วน
ดำรงอยู่จริง...และเป็นไปตามกฎเกณท์ทางธรรมชาติ....ที่เป็นกฏเกณท์ทางฟิสิกส์
เมื่อเราตรวจวัดในเชิงประจักษ์นิยม.....

พลังงานต่างๆเหล่านี้ที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติ....และภายใต้อันตรกิริยาที่เกิดขึ้น
ของมนุษย์...ในความหลากหลายแห่งอันตรกิริยากับ....ระบบรูปการทางวัตถุที่หลาก
หลายระบบความเร็ว...และมีการทับซ้อนกัน...

ถ้าเราลองหลับตาลง...และจินตนาการดู....ขณะนี้ไม่มีแสงดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับ
มายังสายตาเรา.....เราก็จะเห็นว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่เป็นดาวฤกษ์ต่างส่องแสงเดิน
ทางมายังสายตาของเราที่แตกต่างกัน....บางดวงก็หลายล้านปีแสง..บางดวงก็สิบยี่สิบ
ปีแสง...บางดวงก็สะท้อนแสงของดาวดวงอื่น.....แต่ ณ. เวลานี้เราที่ยืนดูเห็นเป็น
องค์รวมเดียวกัน....ณ.เวลาอ้างอิงเดียวกันในปัจจุบันแห่งวัตถุ...

และถ้าเราจินตนาการอีกว่าคราวนี้...มีดวงอาทิตย์....แสงที่เรามองเห็นยามค่ำคืน
ก็เป็นอันตรกิริยาของแสงดวงอาทิตย์และแสงจากดวงดาวเหล่านั้น....และถ้าเรา
จินตนาการลึกลงไปอีกเราก็จะเห็นว่า....ดวงอาทิตย์มีแสงอื่นอีกหรือไม่นอกเหนือ
จากคลื่นความถี่ที่ประกอบเป็นแสงสีขาว.....

และเมื่อเรามองใกล้เข้ามาในสมองเรา....เราจะเห็นว่าข้อมูลที่เก็บบนสมอง...
เหมือนกับดาวบนฟ้า...เป็นการบันทึกเรื่องราวมากมายหลากหลายทั้งร่องรอย
แห่งอดีต...ยังรวมไปถึงความไฝ่ฝันแห่งอนาคต....ก่อเกิดรูปการใหม่ทางความคิด..ณ.
เวลาอ้างอิงปัจจุบัน...

ร่องรอยแห่งเหตุการณ์ของอดีต....และร่องรอยแห่งความคิดคำนึงของอนาคต....มันก่อ
รูปการได้อย่างไร...ในกระบวนการดำรงอยู่ทางความคิดของมนุษย์....

และด้วยหลักการทางฟิสิกส์....การก่อรูปการทางวัตถุ....ล้วนแล้วต้องสัมพันธ์กับ
พลังงานและทิศทางแห่งการเคลื่อนที่....

ไม่เว้นแม้แต่ระบบความเร็วต่ำ....หรือการเคลื่อนที่ในกรอบเฉื่อย....เช่นกฎของ
แบร์นุยยี...ที่นำมาประยุกต์หลักการสร้างปีกเครื่องบินในการไหลของไหลที่มีความ
เร็วต่างกัน....หรือในหลักการของแอโร่ไดนามิกส์....ฯลฯ....แม้แต่ในระบบสังคม..
เราก็จะให้คำอธิบายที่ละเอียดเพิ่มขึ้น...ถึงการก่อรูปการทางวัตถุ....เช่นการ
หมุนตามร่องรอยเดิมของกรอบความคิดก็ทำให้เรากลายเป็นอดีตไปเมื่อรอบข้างมีการ
เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง....

หลักการพื้นฐานของ...ทฤษฎีฟิสิกส์ระบำปลายเท้า(TOE) จะทำให้เราค้นคว้าราย
ละเอียดในสรรรพวิชาต่างๆ....บนทิศทางที่ถูกต้อง....และเข้าใจถึงองค์รวมแห่งสรรพ
สิ่งบนจักรวาลนี้....ที่ต่างล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน......

..................................

ไม่มีความคิดเห็น: