วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า 16

จดหมาย....ฉบับสุดท้าย


ผม reddragonค้นเจอจดหมายฉบับหนึ่งบนหัวใจ...เขียนด้วยลายมือซุนปิน..เขียนไว้
ดังนี้ครับ...

ถึง........ที่รัก...

“ ผมเกลียดคุณที่สุดในโลก....
ผมอยากตะโกนออกไปดังๆ...ให้โลกรับรู้...
คำๆนี้สำหรับคุณที่ผม...รัก..
กับหัวใจที่มีแต่การหลอกลวง...โกหกและไร้ซึ่งความจริง..และ
จะไม่มี ออกไปจากปาก...จากหัวใจของผม...
กับคำว่า...รัก...ที่มีให้ต่อเธอ...
ตราบชั่วฟ้าดินสลาย....
และการโกหกบนหัวใจของตนเอง.....”


จาก...ซุนปิน...


......ผม reddragon...รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนักกับจดหมายฉบับนี้ของซุนปิน....ที่
เขียนไปถึงคนรักของเขา..

แย่มากเลย...ไม่คิดถึงความมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ต้องใช้เวลากว่าจะสร้างขึ้น
ได้...
......ผมก็ต้องโยนจดหมายนี้ทิ้งเสียความรู้สึกกับความเห็นแก่ตัวและรักจอมปลอม
ของซุนปิน...

แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจหยิบมาอ่านใหม่....เมื่อเปิดอ่านจดหมายอีกฉบับที่ผนึกซอง...
ไว้...ส่งไปพร้อมกันแต่ไปไม่ถึงจดหมายตีกลับ....เขียนไว้ดังนี้ครับ...

.......ที่รัก...โปรดอ่านบรรทัดเว้นบรรทัด...รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย....ลงชื่อซุน
ปิน..


บางครั้ง...เวลา...ความเร็วและความซับซ้อนของข้อมูล...มันฆ่าเราได้นะ...!!!


........................


ฟิสิกส์โลกแห่งนรก : ฟิสิกส์โลกแห่งสวรรค์


การอธิบายในตอนนี้เกี่ยวกับเรื่องสุนทรียภาพของอารมณ์ความงามความรัก...เพื่อให้
ใจภาพรวม...คือผมใช้หลักการของกรอบมิติที่ 8 การทับซ้อนของเวลาหรือพหุภาพของ
เวลาและมิติที่9มิติองค์รวมพหุภาพมาอธิบาย....

หลักการของการวิเคราะห์ในกรอบนี้....จะทำให้เราทราบถึงโครงสร้างพื้นฐานในทาง
ฟิสิกส์ทั้งการก่อรูปการทางวัตถุและการก่อรูปการทางจิตใจ...


หลักแห่งการก่อรูปการ:

การอุบัติ,การบังเกิดขึ้น หรือการก่อขึ้นของรูปการใดๆ....ดังได้อธิบายมาแล้ว
ล้วนเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงในทางพลังงานของระบบหนึ่งไปสู่การก่อรูปการในอีก
ระบบหนึ่งอันสัมพันธ์กับพลังงานที่ใช้ไปในระบบ.....

ในฟิสิกส์อนุภาค...เช่นตัวอย่างการทดลองปรากฏการณ์โฟโต้อิเล็กตริก...ของ
ไอน์สไตน์ซึ่งให้คำอธิบายว่า แสงที่คุณสมบัติเป็นทั้งคลื่น...และเป็นอนุภาค..
โดยให้คำอธิบายว่าเกิดจากการที่อิเล็กตรอนวิ่งชนกัน...และปลดปล่อยพลังงานออก
เป็นรูปของอนุภาค..โฟตอน...

ดังนั้นในส่วนสมการต่างๆจึงอธิบายว่า...มวลและพลังงานแปรเปลี่ยนไปมาซึ่งกันและ
กันได้....และเรียกรวมๆว่าพลังงาน....นั่นหมายความว่าพลังงานแปรเปลี่ยนไปเป็น
สิ่งที่มีมวลวัตถุได้.....

มวลพลังงานเหล่านี้ยังมีการแปรเปลี่ยนอันสัมพันธ์กับความเร็วที่ใช้หรือพลังงาน
จลน์ที่ใช้ในการเคลื่อนที่...และมีการเปลี่ยนแปลงทั้งขนาดและเวลาของระบบภายใต้
การเคลื่อนที่เหล่านั้น...

ในทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่อธิบายถึงสนามแรงแห่งความโน้มถ่วง...เกิดการบิดเบี้ยวจาก
สนามแรงที่สูงกว่า...มีการพิสูจน์ในการทดลองหลายๆอย่างเช่นการตรวจวัดการโค้งงอ
ของกาลาวกาศโดยตรวจจากตำแหน่งดวงดาวเมื่อผ่านสนามแรงของดวงอาทิตย์...มีการ
เปลี่ยนแปลงของตำแหน่งเมื่อสังเกตุจากโลก....หรือการตรวจวัดความถี่ของคลื่นที่
แผ่ออกจากวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงขนาดความยาวคลื่นที่ที่ยาวขึ้นเมื่อห่างไกลออก
ไป....เป็นต้น...


เมื่อเรามองในกรอบแบบ9มิติ....เราจะเห็นว่าสิ่งที่ดำรงอยู่บนจักรวาลเป็นการทับ
ซ้อนของกาลาวกาศในหลายระบบอ้างอิง...และในระบบแห่งความเร็วที่แตกต่างเหล่า
นั้น..การอุบัติ..หรือการบังเกิด....หรือการก่อรูปการทางวัตถุ...ล้วนเกิดภายใต้
การเพิ่มขึ้น...หรือการลดลงของพลังงานในระบบอ้างอิงหนึ่งไปสู่ระบบอ้างอิง
หนึ่ง....

ในการอธิบายแบบนี้...ทำให้เราเข้าใจในความสัมพันธ์ของระบบทางกายภาพของมนุษย์ว่า
มีความสัมพันธ์กับระบบทางจิตใจอย่างไร...รวมไปถึงความเข้าใจที่ว่าจักรวาลล้วน
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน...

เอาแค่เราดูหยาบๆ...เช่นสิ่งต่างๆล้วนประกอบไปด้วยโปรตรอน นิวตรอน อิเล็กตรอน...

เมื่อเราใช้ในการทำความเข้าใจในห้องทดลองฟิสิกส์อนุภาค....เช่นปรากฏการณ์โฟโต้
อิเล็กตริก...ก็จะให้คำอธิบายที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของการก่อรูปการ......

จากการเคลื่อนที่ของรูปการคลื่น....สู่การก่อรูปการวัตถุของระบบความเร็ว
แสง....

เราอาจทดลองตรวจวัดค่าประมาณการในการคำนวนทิศทางและขนาดปริมาณได้...โดยการทดลอง
จากเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อทำการวิเคราะห์....การก่อรูปการของระบบความเร็วที่แตก
ต่าง....

คำอธิบายของฟิสิกส์ระบำปลายเท้า....จะทำให้เราเปิดพรมแดนแห่งการรับรู้ไปสู่การ
ประมาณการที่ใกล้ความจริงมากขึ้น....และไม่จำกัดกับกรอบของค่าสัมบูรณ์ในระบบใด
ระบบหนึ่ง...

ในการทำความเข้าใจในวิทยาศาสตร์สังคม...ก็จะทำให้เข้าใจในทิศทางแห่งการพัฒนา
เพื่อประโยชน์สูงสุดของมนุษยชาติ....

ในปรัชญา...ศาสนา...ความเชื่อ....ก็จะทำให้เราทราบว่า.....นิพพานในพุทธศาสนาคือ
อะไร....ปรัชญาความเชื่อมั่นแห่งพระเจ้า...คืออะไร......ซึ่งกล่าวโดยสรุปแล้วใน
การอธิบายทางฟิสิกส์แล้วก็คือการยืนยันว่ามีการดำรงอยู่จริงของพลังงานดัง
กล่าว....และก่อเกิดอันตรกิริยาภายใต้ระบบแห่งความคิดจิตวิญญาณของแต่ละคน......
แต่ทิศทางของศาสนาใดๆ....ก็คือทิศทางแห่งความรักที่ออกไปจากตัวตน....นั่นคือการ
รักต่อสรรพสิ่ง......และชัยชนะหรือความเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่และสุดท้าย...ไม่มี
ชัยชนะใดๆของตัวตนนอกจาก.....ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแห่งพลังงานที่ดำรง
อยู่ในจักรวาล.....


ทิศทางแห่งความรัก...อันตรงข้ามกับความโกรธเกลียดหรือเพื่อตัวตน......รักที่ออก
ไปจากตัวตนต่างหากจึงจะพัฒนาจิตใจมนุษย์ไปสู่ระบบที่สูงขึ้น....

ทิศทางแห่งการโกรธเกลียด...เพื่อตัวตน.....การเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยจิตใจที่
โสมมและโหดเหี้ยมของจิตใจที่สกปรกเห็นแก่ตัวอย่างนี้...ผลที่เกิดการก่อรูปการ
ทางฟิสิกส์....พิสูจน์ได้ในเชิงประจักษ์นิยมในแบบค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์......
นรก...เท่านั้นครับ...ที่เกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็คือสร้างนรก
ขึ้น.......

พลังงานเหล่านั้นก็จะลงโทษพวกเขาอย่างสาสมเช่นกัน....ไม่ใช่ใครทำ....

แต่เป็นกฎเกณท์ทางฟิสิกส์....อันเป็นสากลของจักรวาล...


เราคงมองเห็นแล้วจากเรื่องโครงสร้างการก่อรูปของอารมณ์ความงาม ความรัก....ว่าใน
ระบบความเร็วสูงหรือระบบของโลกทางจิตของมนุษย์มีความเร็วแตกต่างจากการก่อรูปของ
โลกในทางวัตถุ.....

ในโลกทางจิตใจมีความเร็วสัมพัทธ์ที่สูงกว่า....ดังนั้นจึงมีขนาดของกาลาวกาศที่
กว้างกว่าและเป็นไปตามหลักการของทฤษฎีสัมพัทธภาพ.....

เราจะเห็นว่าโลกในทางจิตใจมีองค์ประกอบ...ของอดีต...ปัจจุบัน...และอนาคต...
เมื่อเทียบกับโลกทางวัตถุ....และนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาก่อรูปการใหม่ในทางความคิด
อันเป็นรูปการใหม่ที่เกิดขึ้น ภายใต้ร่องรอยแห่งอดีต...และทิศทางร่องรอย
แห่งอนาคต....

การเกิดขึ้นของรูปการใดๆ....ล้วนเป็นไปในลักษณะเช่นนี้....

การค้นคิด...สร้างองค์ความรู้หรือเพื่อหากฎเกณท์....เราจะมีแบบวิธีการคือ.....
จากทั่วไปสู่เฉพาะ...และจากเฉพาะสู่ทั่วไป.....นั่นคือหากฎเกณท์ได้ทั้งสอง
แบบ....ที่ผมนำเสนอคือแบบการหารูปการเฉพาะของเรื่องความงามความรัก...หาหลักการ
ทั่วไปเพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบในสิ่งอื่นๆในการทำความเข้าใจหลักการทั่ว
ไป....

ถ้าเรามามองดูโครงสร้างในการค้นคว้าสิ่งต่างๆของมนุษย์บนโลก.....เราจะเห็นได้
ว่ามีการค้นคว้าแบบแยกส่วนโดยแยกเป็น กรอบโลกทางวัตถุ และโลกทางจิตใจและจิต
วิญญาณ

กรอบที่ ผมนำเสนอ....จะเป็นหลักการทั่วไปที่อธิบายถึงในการก่อรูปในทาง
ฟิสิกส์.....นับตั้งแต่...มวลพลังงานที่ดำรงอยู่ในจักรวาล....เทหวัตถุขนาด
ใหญ่....กาแลกซี่....ดวงดาว...ระบบสุริยะ...ระบบโลก....สิ่งมีชีวิตบนโลก....(
มนุษย์...สัตว์...พืช..) โลกวัตถุที่มีขนาดเล็ก เช่นโลกของอะตอม...โลกของหน่วย
ย่อยขนาดเล็กในทางชีวภาพ......และรวมไปถึงโลกทางจิตวิญญาณ.....หรือจากระดับ
มหภาค..ไปถึงจุลภาคและรวมไปถึงโลกทางจิตวิญญาณ.....

ในตอนนี้ขอกล่าวถึง...โลกทางความเชื่อ...หรือทางจิตวิญญาณ.....ก่อนที่จะไปกล่าว
ถึงรายละเอียดในโลกทางวัตถุในเรื่องฟิสิกส์อนุภาค...ในโครงสร้างอะตอม...ไปจนถึง
ควาร์ก...ในภาคของการประยุกต์ในตอนต่อไป.....

ความเชื่อในทางศาสนา.....ผมไม่ขออธิบายถึงประวัติศาสตร์การพัฒนามาเป็นเช่นไปใน
วิวัฒนาการของมนุษย์....แต่จะขอนำเสนอในการวิเคราะห์ในภาพรวมของความเชื่อใน 3 ศาสนาหลักเลย...กล่าวคือ...จะอธิบายถึงหลักการทางฟิสิกส์ในหัวข้อเหล่านี้
คือ...


-ความเชื่อในเรื่อง...นิพพานของศาสนาพุทธ....กฎแห่งกรรม...ภพชาติต่างๆในพุทธและ
ฮินดู....

-ความเชื่อในพระเจ้า....การดำรงอยู่ที่เป็นนิรันดร์(ชั่วฟ้าดินสลาย)ของพระ
เจ้า...ความหมายของวันพิพากษา....เนื้อหาและเจตจำนง....การตีความหมายในทาง
ฟิสิกส์ในเชิงประจักษ์นิยม.....

-พลังงานในจักรวาล....ที่เป็นปัจจัยในการก่อรูปในระบบที่มีความเร็วแตกต่าง....
ฟิสิกส์โลกของนรก...และฟิสิกส์โลกของสวรรค์ คืออะไร...


การกล่าวในหัวข้อเหล่านี้จะเป็นเพียงการทำความเข้าใจให้เห็นภาพรวมกว้างๆ.....
ว่าที่จริงแล้วทั้งจักรวาล....สรรพสิ่งล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน....และขอ
กล่าวโดยรวมๆอาจไม่เน้นเป็นหัวข้อๆ...

ไม่มีความคิดเห็น: