วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2550

ฟิสิกส์ระบำปลายเท้า(12)

ทิศทางการก่อรูปการของอารมณ์


ในการประยุกต์หลักการทาง ทฤษฎีใดๆล้วนเป็นการค้นคิดพัฒนาขึ้นมาของมนุษย์เพื่อ
ที่จะนำมารับใช้มนุษย์.....การประยุกต์ใดๆในขั้นแรกก็ต้องทำความเข้าใจในหลักการ
พื้นฐานนั้นๆ....

นั่นก็คือหลักการพื้นฐานของกฎเกณท์ความเป็นไปของธรรมชาติทั้งในทางวิทยาศาสตร์
ธรรมชาติและสังคม....

หลักการพื้นฐานก็คือหลักการทางฟิสิกส์ขององค์รวมวัตถุทางกายภาพและหลักการพื้น
ฐานองค์รวมทางด้านจิตใจ....ซึ่งประกอบเป็นองค์รวมของมนุษย์ที่มีอันตรกิริยากับ
ภายนอก.....
กฎเกณท์ทั่วไปในการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ....ล้วนมีทิศทางในการพัฒนาเปลี่ยน
แปลงไปตามกระบวนการนั้นๆ....

ในการประยุกต์หลักการทางด้านสุนทรียภาพของอารมณ์....เช่นการเสนองานด้านศิลปใน
การสื่อออกมาเป็นภาพวาด....นอกจากเราจะต้องทำความเข้าใจในด้านการสื่อรูป
สัญญลักษณ์ตามหลักการทางศิลปะ...เช่น ทฤษฎีสี ความกลมกลืน..ความสมดุล ฯลฯ....
สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจอีกก็คือ...
ทิศทางการก่อรูปการของอารมณ์หรือจิตใจ...ซึ่งเป็นระบบที่มีความเร็วที่แตกต่าง
จากองค์รวมด้านวัตถุในทางกายภาพ.....ในการประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์ใดๆก็เช่น
กัน....ก็ต้องคำนึงถึงการหาค่าประมาณการหรือค่าสัมบูรณ์ในกรอบอ้างอิงที่ต้อง
คำนึงถึงความเร็วของสองระบบที่แตกต่างกัน....

ในการก่อรูปการทางวัตถุของระบบใดๆ....ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางของระบบ
ที่มีความเร็วสูงขึ้นหรือระบบที่มีความเร็วต่ำลง.....เช่น...

ระบบความคิดใดๆของคนเรา....ล้วนเกิดจากการรังสรรค์ขึ้นมาใหม่..ณ.เวลาอ้างอิง
ปัจจุบัน....และล้วนเป็นการก่อรูปการขึ้นของ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและ
กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงความคิดคำนึงแห่งอนาคต...เช่นอุดมคติ อุดมการณ์ ความไฝ่ฝัน ความหวัง ของเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิด....

การรังสรรค์ที่เกิดขึ้นได้ของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของระบบความคิดและจิตใจ อันเป็นไปตามหลักการพื้นฐานของฟิสิกส์ที่มีความเร็วสูงกว่าความเร็วแสงในระบบจิต
ใจของมนุษย์...

การเกิดรูปการทางวัตถุ....เกิดจากอันตรกิริยาที่ระบบแห่งความเร็วสูงได้ลดระดับ
ของความเร็วลง....เมื่อสมองซึ่งเก็บข้อมูลทั้งหมดของอดีตปัจจุบันและอนาคต.... ประมวลเหตุการณ์ดังกล่าว ภายใต้ความต้องการทางด้านจิตใจ....ก็แปรเปลี่ยนไปสู่
การกระทำจากการสั่งงานของสมอง....หรือจากระบบของจิตใจที่มีความเร็วสูงกว่าระบบ
ทางวัตถุ....จึงมีความยาวกว่าของเวลาที่ครอบคลุมอดีตปัจจุบันและอนาคตของระบบ
ความเร็วแสง.......


เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น....ผม reddragon ต้องมาบันทึกแทนซุนปิน....เพราะจะต้อง
มาเป็นหมอจำเป็น...ผ่าตัดหัวใจซุนปินให้เห็นโครงสร้างพื้นฐานทางฟิสิกส์....

โครงสร้างพื้นฐานของแบบจำลองสุนทรียภาพความงามความรักบนโลกเสมือน...ที่ต้องยก
ตัวอย่างนี้ก็เพราะ....บนโลกนี้ ณ.เวลาปัจจุบัน...มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่จะ
ตรวจวัดการก่อรูปการทางวัตถุของระบบความเร็วเหนือกว่าระบบความเร็วแสง.....และ
ระบบความเร็วที่ต่ำกว่าการก่อรูปการมนุษย์...

เมื่อมีเครื่องมือเดียว....คือมนุษย์....และเป็นเครื่องมือพิสดารที่รับรู้ไม่
เหมือนกันอย่างสัมบูรณ์ในด้านจิตใจในแต่ละคน.....

การที่จะเข้าใจความผันแปรไปของอารมณ์อย่างเป็นรูปธรรม...การสื่อให้เข้าใจต้อง
ใช้สุนทรียภาพในการสื่อจึงจะเกิดจินตนาการ....ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้โดยการสื่อ
อย่างหยาบๆเช่นตัวเลขสมการทางคณิตศาสตร์.....ซึ่งจะทำให้ขาดจินตนาการในการรับ
รู้ทางสุนทรียภาพของอารมณ์...

ผมredragon ต้องขออภัยที่ต้องขนมารยาชายล้านเล่มเกวียนมาทดสอบและอธิบายให้รับ
รู้สุนทรียภาพของอารมณ์ที่เสมือนจริงอันผันแปรไปบนโลกเสมือนนี้.....อันเป็น
เสมือนห้องทดลองทางฟิสิกส์ของอารมณ์.....เพื่อหาหลักการทั่วไปในทางฟิสิกส์ที่
ทุกคนร่วมกันบันทึกไว้

ผมแอบได้ยินเสียงของหัวใจหลายคนบ่นอื้ออึง...ว่า..ผู้ชายมันก็แบบนี้แหละทุก
คน....บางเสียงก็ว่า..นี่แหละพวกงูเก็งกอง...ฯลฯ...สารพัดเสียงจากหัวใจอันเป็น
ความหลากหลายของข้อมูลในอันตรกิริยาของแต่ละคน.....

แต่นั่นแหละ...ถ้าไม่ดูจากโลกเสมือนไซเบอร์....มันยกตัวอย่างยากกับระบบความเร็ว
สูง

จากการผ่าตัดหัวใจ...ของซุนปิน...ที่ให้ซุนปินเก็บข้อมูลกลายเป็นว่าซุนปินก็นำ
เอารูปการต่างๆที่แสดงออกบนไซเบอร์แห่งนี้มาก่อรูปการใหม่ทางอารมณ์...ซุนปินได้
บันทึกในหน้าสีส้มดังนี้...


เปิดบันทึกหน้าสีส้ม...

ผม...ซุนปิน....ตื่นจากภวังค์เมื่อกิ่งหางนกยูงกิ่งเล็กๆกิ่งหนึ่งหล่นลงมาใส่
หัวอาการตาลายจาก 9มิติก็เลยหาย.......

สีส้มหางนกยูงแท้ๆทำไมเป็นสีส้มทองกวาวได้ก็เพราะเหตุผลดังนี้ครับ....เมื่อเกิด
อันตรกิริยากับการสื่อเรื่องราวเกี่ยวกับสีส้มของทองกวาว....ผมก็เก็บเอามาก่อ
รูปการทางอารมณ์ขึ้นมาใหม่โดยเกิดจากเหตุการณ์ในช่วงเวลาหนึ่งของอดีตเท่า
นั้น...เกิดจากเหตุการณ์ในอดีตที่สาวน้อยทองกวาวคนหนึ่ง เคยแสดงถึงน้ำใจและ
มิตรภาพที่ดีเห็นผมซุนปินนั่งอยู่คนเดียวเพราะคนอื่นเขาออกไปเป็นคู่ๆเต้นรำกับ
คู่ของเขา.....ก็แค่เขามาชวนเราออกไปเต้นรำ...ก็แค่นั้นเอง....นี่แหละจึงเกิด
แรงบันดาลใจในการเขียนฟิสิกส์ระบำปลายเท้า......ที่จำได้ก็คือน้ำใจและมิตรภาพ
ที่ดีงามของเธอ....แม้ระยะแค่สั้นๆมากและเธอเองก็มีคนรักอยู่ที่ต่างประเทศอยู่
แล้ว.....แต่ก็จดจำได้เพราะเหตุนี้

อีกรูปการหนึ่งก็เกิดจาก...สมัยนั่งเรียนใต้ต้นหางนกยูงริมแม่น้ำเจ้าพระยา....
สาวน้อยผมยาวตากลมอีกคนก็มีน้ำใจดีเหลือเกินสำหรับคนขี้เกียจแบบซุนปิน....ไป
เล็กเชอร์ให้บ่อย...และอื่นๆ...ไม่ขอกล่าวละ....รูปการในอดีตอีกหลายรูปการ....
ก็ไม่ขอกล่าวเช่นกัน...

นี่เป็นเพียงการก่อรูปการโดยนำเอาความประทับใจต่างๆจากเหตุการณ์ในอดีต....มา
ผนวกเข้ากับอันตรกิริยาที่เกิดขึ้นภายใต้การรับสื่อจากปัจจุบันบนโลกไซเบอร์...
และก่อเกิดรูปการใหม่หลายๆรูปการ...ในทางอารมณ์....



สรุป...การเกิดรูปการทางอารมณ์ ณ. เวลาปัจจุบันใดๆ....ล้วนเป็นการรังสรรค์ขึ้น
มาใหม่ที่ไม่เหมือนรูปการเดิม....หากแต่ยังมีร่องรอยของอดีต...และมีแนวโน้มของ
ทิศทางในอนาคต...

ทั้งนี้เนื่องจากเป็นระบบที่เร็วสูงการผันแปรที่สูงในการก่อรูปการวัตถุบนระบบ
หรืออารมณ์...และทิศทางที่เกิด...อยู่บนรากฐานร่องรอยแห่งอดีตที่ซึมซับในทิศทาง
ใด....เช่นรูปการแห่งตัวตนหรือออกไปจากตัวตน....เป็นต้น...

นี่แหละจึงเป็นเหตุให้เราเตรียมพร้อมในความมั่นคงแห่งอารมณ์เพื่อรับกับการแปร
เปลี่ยนที่เร็วสูงมากในระบบความเร็วสูง....

จากข้อมูลของซุนปิน...นี่แหละผมredragon ต้องมาบันทึกเอง....เพราะขืนให้ไปก่อ
รูปการอีกเรื่อยๆ...มีหวังสรุปหลักการพื้นฐานทางฟิสิกส์ไม่ได้.....แล้วจะไปสรุป
อาการแพ้ใจในระบบความเร็วสูงได้อย่างไรกันนี่...

จากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์....ที่มีพัฒนาการ
มาถึงทฤษฎีควอนตัม....ที่ค้นคว้าทดลองหาข้อสรุปต่างๆเพื่อหากฎเกณท์ทั่วไปหรือ
ค่าคงที่หรือค่าสัมบูรณ์ใดๆในกรอบอ้างอิง....เพื่อตรวจวัดการประมาณการในการตรวจ
วัดในสิ่งที่กว้างไกลออกไปในจักรวาล....และสิ่งที่เล็กลงไปในโลกทางวัตถุใน
ฟิสิกส์อนุภาคเพื่อหาคำอธิบายในปรากฏการณ์เหล่านั้น....และนำมาประยุกต์รับใช้
มนุษย์....

การวิเคราะห์ภายใต้กระบวนทัศน์แบบแยกส่วนเพื่อตรวจวัดปรากฎการณ์ต่างๆและกรอบแนว
คิดแบบประจักษ์นิยมแบบกลไก...ทำให้เกิดการแยกโลกในทางจิตใจของมนุษย์กลายเป็น
สิ่งที่เรียกว่าอยู่นอกเหนือฟิสิกส์ (meta-physic)....ทั้งๆที่ปรากฎการณ์ทางจิต
เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติ...และก็เป็นไปตามกฎเกณท์ทางธรรมชาติหรือหลักการ
ทางฟิสิกส์....

ความงาม...ความรัก...ความเชื่อ...ศาสนา...ลัทธิ...อารมณ์ต่างนาๆ...ฯลฯ....ล้วน
ดำรงอยู่จริง...และเป็นไปตามกฎเกณท์ทางธรรมชาติ....ที่เป็นกฏเกณท์ทางฟิสิกส์
เมื่อเราตรวจวัดในเชิงประจักษ์นิยม.....

พลังงานต่างๆเหล่านี้ที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติ....และภายใต้อันตรกิริยาที่เกิดขึ้น
ของมนุษย์...ในความหลากหลายแห่งอันตรกิริยากับ....ระบบรูปการทางวัตถุที่หลาก
หลายระบบความเร็ว...และมีการทับซ้อนกัน...

ถ้าเราลองหลับตาลง...และจินตนาการดู....ขณะนี้ไม่มีแสงดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับ
มายังสายตาเรา.....เราก็จะเห็นว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่เป็นดาวฤกษ์ต่างส่องแสงเดิน
ทางมายังสายตาของเราที่แตกต่างกัน....บางดวงก็หลายล้านปีแสง..บางดวงก็สิบยี่สิบ
ปีแสง...บางดวงก็สะท้อนแสงของดาวดวงอื่น.....แต่ ณ. เวลานี้เราที่ยืนดูเห็นเป็น
องค์รวมเดียวกัน....ณ.เวลาอ้างอิงเดียวกันในปัจจุบันแห่งวัตถุ...

และถ้าเราจินตนาการอีกว่าคราวนี้...มีดวงอาทิตย์....แสงที่เรามองเห็นยามค่ำคืน
ก็เป็นอันตรกิริยาของแสงดวงอาทิตย์และแสงจากดวงดาวเหล่านั้น....และถ้าเรา
จินตนาการลึกลงไปอีกเราก็จะเห็นว่า....ดวงอาทิตย์มีแสงอื่นอีกหรือไม่นอกเหนือ
จากคลื่นความถี่ที่ประกอบเป็นแสงสีขาว.....

และเมื่อเรามองใกล้เข้ามาในสมองเรา....เราจะเห็นว่าข้อมูลที่เก็บบนสมอง...
เหมือนกับดาวบนฟ้า...เป็นการบันทึกเรื่องราวมากมายหลากหลายทั้งร่องรอย
แห่งอดีต...ยังรวมไปถึงความไฝ่ฝันแห่งอนาคต....ก่อเกิดรูปการใหม่ทางความคิด..ณ.
เวลาอ้างอิงปัจจุบัน...

ร่องรอยแห่งเหตุการณ์ของอดีต....และร่องรอยแห่งความคิดคำนึงของอนาคต....มันก่อ
รูปการได้อย่างไร...ในกระบวนการดำรงอยู่ทางความคิดของมนุษย์....

และด้วยหลักการทางฟิสิกส์....การก่อรูปการทางวัตถุ....ล้วนแล้วต้องสัมพันธ์กับ
พลังงานและทิศทางแห่งการเคลื่อนที่....

ไม่เว้นแม้แต่ระบบความเร็วต่ำ....หรือการเคลื่อนที่ในกรอบเฉื่อย....เช่นกฎของ
แบร์นุยยี...ที่นำมาประยุกต์หลักการสร้างปีกเครื่องบินในการไหลของไหลที่มีความ
เร็วต่างกัน....หรือในหลักการของแอโร่ไดนามิกส์....ฯลฯ....แม้แต่ในระบบสังคม..
เราก็จะให้คำอธิบายที่ละเอียดเพิ่มขึ้น...ถึงการก่อรูปการทางวัตถุ....เช่นการ
หมุนตามร่องรอยเดิมของกรอบความคิดก็ทำให้เรากลายเป็นอดีตไปเมื่อรอบข้างมีการ
เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง....

หลักการพื้นฐานของ...ทฤษฎีฟิสิกส์ระบำปลายเท้า(TOE) จะทำให้เราค้นคว้าราย
ละเอียดในสรรรพวิชาต่างๆ....บนทิศทางที่ถูกต้อง....และเข้าใจถึงองค์รวมแห่งสรรพ
สิ่งบนจักรวาลนี้....ที่ต่างล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน......

ไม่มีความคิดเห็น: